วันนี้ (วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน 2568) เวลา 13.20 น. ณ สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม นายชัย วัชรงค์ ผู้แทนการค้าไทย พร้อมด้วยนางสาวอุรวดี ศรีภิรมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย และคณะ ร่วมหารือกับนายเฉลิมชัย พรศิริปิยกุล Head of International Corporate Affairs บริษัท Central Retail Vietnam ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ของไทยที่ดำเนินธุรกิจในเวียดนาม โดยสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
ผู้แทนการค้าไทยกล่าวถึงความสำคัญของการสร้างความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตในไทยกับผู้นำเข้าในเวียดนาม เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดที่มีความละเอียดอ่อนด้านราคาและคุณภาพได้อย่างยั่งยืน พร้อมสนับสนุนให้บริษัทเอกชนไทยใช้บทบาทเป็นสะพานเชื่อมในการผลักดันสินค้าไทยสู่ผู้บริโภคเวียดนาม โดยเฉพาะการพัฒนาตลาดโคเนื้อคุณภาพ ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตในกลุ่มผู้บริโภคระดับพรีเมียม
ด้านบริษัทฯ กล่าวถึงความก้าวหน้าของการดำเนินธุรกิจค้าปลีกในเวียดนาม โดยมีสาขาในเครือรวมกว่า 300 แห่ง ครอบคลุมร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต และไฮเปอร์มาร์เก็ตทั่วประเทศ พร้อมเตรียมจัดกิจกรรมส่งเสริมสินค้าไทย (Thailand Week) ระหว่างวันที่ 16–30 กรกฎาคม 2568 ในหลายจังหวัดทั่วเวียดนาม ซึ่งนับเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อมูลด้านตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารและเกษตรแปรรูป ซึ่งยังมีโอกาสขยายตัวอีกมากในเวียดนาม โดยผู้แทนการค้าไทยเสนอให้ภาคเอกชนร่วมพัฒนาการผลิตและคัดสรรสินค้าที่ตอบโจทย์ตลาดเวียดนาม ทั้งในแง่คุณภาพและราคาที่แข่งขันได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความยั่งยืนในการทำตลาดระยะยาว
ในด้านโคเนื้อ บริษัทฯ เห็นถึงศักยภาพของโคเนื้อไทย โดยเห็นว่าหากสามารถคัดสรรและรักษาคุณภาพได้อย่างสม่ำเสมอ พร้อมวางระบบการผลิตที่ตอบโจทย์ตลาดระดับกลางถึงพรีเมียมในเวียดนาม ก็จะสามารถขยายตลาดได้อีกมาก ซึ่งบริษัทฯ เห็นพ้องร่วมกับผู้แทนการค้าไทย โดยยินดีที่จะหารือแนวทางความร่วมมือกับผู้ผลิตในไทยอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ต้นทางการผลิตจนถึงการวางจำหน่าย เพื่อให้โคเนื้อสามารถแข่งขันได้ทั้งด้านรสชาติ ราคา และมาตรฐานความปลอดภัย
ในส่วนของผลไม้ไทย เช่น ทุเรียน มะม่วง และมะขาม ยังคงได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเวียดนามอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะทุเรียนพันธุ์หมอนทองที่แม้จะมีรสสัมผัสแตกต่างจากทุเรียนท้องถิ่น แต่ได้รับความนิยมมากขึ้นจากกิจกรรมส่งเสริมการขายที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มผู้บริโภคเวียดนามที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพและเปิดรับสินค้านำเข้ามากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ผู้แทนการค้าไทยยังได้เสนอถึงแนวทางส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีคัดแยกคุณภาพผลไม้ โดยเฉพาะทุเรียน เช่น การนำเครื่องสแกนมาตรวจสอบทุเรียนก่อนส่งออก ซึ่งจะช่วยยกระดับมาตรฐานการคัดแยกได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว และยังมีต้นทุนที่ต่ำกว่าวิธีการแบบเดิมอย่างชัดเจน โดยเห็นควรส่งเสริมให้โรงคัดบรรจุทุกแห่งใช้ระบบดังกล่าวอย่างครอบคลุม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคในตลาดต่างประเทศ
ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่า เวียดนามยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงสำหรับสินค้าไทย โดยเฉพาะในกลุ่มอาหาร ผลไม้ และสินค้าพรีเมียม พร้อมยืนยันความตั้งใจร่วมกันที่จะผลักดันความร่วมมือให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ผ่านการเชื่อมโยงเครือข่ายการผลิต การนำเข้า และช่องทางค้าปลีก เพื่อให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเวียดนามได้อย่างแท้จริง