วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน 2568
ผู้แทนการค้าไทย ชัย วัชรงค์ หารือเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย ร่วมเปิดมุมมองเศรษฐกิจใหม่ในเวียดนาม พร้อมแสวงหาแนวทางผลักดันโคเนื้อ–สินค้าเกษตรไทย
วันนี้ (วันพุธที่ 19 มิถุนายน 2568) เวลา 17.05 น. นายชัย วัชรงค์ ผู้แทนการค้าไทย และคณะ ได้พบหารือกับนางสาวอุรวดี ศรีภิรมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย ณ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์เศรษฐกิจ การค้า และแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทยกับเวียดนาม โดยสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
ผู้แทนการค้าไทยกล่าวว่า เวียดนามเป็นอีกประเทศที่มีความเคลื่อนไหวเชิงนโยบายอย่างน่าจับตามอง ทั้งในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างระบบอำนวยความสะดวกทางการค้า ซึ่งเปิดโอกาสให้ไทยสามารถเข้ามามีบทบาทมากขึ้นได้ทั้งในฐานะผู้ส่งออกสินค้าปศุสัตว์–เกษตร ผลไม้ไทย สินค้าแปรรูป และพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์ในภูมิภาค โดยเฉพาะด้านการส่งออกโคเนื้อ ซึ่งสามารถเป็นอีกช่องทางตลาดที่น่าสนใจ ซึ่งโคเนื้อไทยมีศักยภาพ อีกทั้งหากไทยสามารถยกระดับมาตรฐานการผลิตให้เทียบเท่าประเทศผู้ส่งออกชั้นนำ ไทยจะสามารถแข่งขันได้ทั้งในด้านคุณภาพและต้นทุน ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มความต้องการบริโภคของผู้บริโภคชาวเวียดนามที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เอกอัครราชทูตฯ ได้นำเสนอข้อมูลของทิศทางเศรษฐกิจเวียดนาม ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านการควบรวมกระทรวงต่าง ๆ รวมถึงมีการพัฒนาเขตโลจิสติกส์ใหม่ การจัดทำระบบ e-Border สำหรับการนำเข้า–ส่งออกสินค้า โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนเวียดนาม ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงการค้ากับไทยในอนาคต อีกทั้งยังกล่าวถึงแผนการพัฒนาเส้นทางขนส่งเชิงยุทธศาสตร์ เช่น เส้นทางที่เชื่อมต่อไทย–ลาว–เวียดนาม เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าเกษตรจากไทยเข้าสู่เวียดนามอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นสำคัญต่าง ๆ ร่วมกัน อาทิ
ด้านสินค้าปศุสัตว์ โดยเฉพาะการส่งออกโคเนื้อ ผู้แทนการค้าไทยเน้นย้ำถึงแนวทางยกระดับคุณภาพโคเนื้อไทย เพื่อให้สามารถเข้าสู่ตลาดระดับพรีเมียมของเวียดนามที่กำลังเติบโต โดยเฉพาะในซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร และโรงแรม ซึ่งขณะนี้นิยมบริโภคเนื้อนำเข้าจากประเทศต่าง ๆ แต่ยังเปิดกว้างสำหรับเนื้อคุณภาพดีจากแหล่งใหม่ ซึ่งไทยสามารถขยายตลาดโคเนื้อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ ผ่านการปรับปรุงระบบการเลี้ยงและควบคุมมาตรฐานอย่างเป็นระบบเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค
ด้านสินค้าเกษตรแปรรูป เอกอัครราชทูตฯ ชี้ว่า ผลิตภัณฑ์ไทย เช่น ผลไม้อบแห้ง อาหารพร้อมรับประทาน และเครื่องปรุงรส ได้รับความนิยมสูงในกลุ่มผู้บริโภคคนรุ่นใหม่เวียดนามที่มีความใกล้เคียงกับไทยทั้งในด้านวัฒนธรรมและพฤติกรรมการบริโภค โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มีช่องทางการจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรดและอีคอมเมิร์ซ ซึ่งเป็นโอกาสทองของสินค้าแปรรูปไทยในการขยายตลาด
ด้านนวัตกรรมอาหารและตลาดใหม่ เอกอัครราชทูตฯ เสนอให้ภาคเอกชนไทยพิจารณาโอกาสทางการค้าในผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือก เช่น แมลงโปรตีน ซึ่งปัจจุบันเริ่มเป็นที่นิยมในตลาดต่างประเทศ และอาจสามารถขยายมาสู่เวียดนามในอนาคต ซึ่งผู้แทนการค้าให้ความสนใจและเชื่อมั่นว่าไทยมีศักยภาพในพัฒนาการผลิตและแปรรูปสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดได้
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้เห็นพ้องถึงบทบาทของภาครัฐและภาคเอกชน ในการขับเคลื่อนความร่วมมือไทย–เวียดนาม โดยเฉพาะกิจกรรมที่เชื่อมโยงผู้ประกอบการ เช่น การจัดสัมมนา การจับคู่ธุรกิจ และการเข้าร่วมงานแสดงสินค้า ซึ่งจะสร้างเครือข่ายความร่วมมือทั้งในระดับธุรกิจและระดับประชาชน
ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน เอกอัครราชทูตฯ ได้เสนอการใช้กิจกรรมทางวัฒนธรรมและเทศกาลไทย (Thai Festival) ในเวียดนามเป็นเครื่องมือส่งเสริมอัตลักษณ์ของสินค้าและบริการไทยในมุมที่เข้าถึงใจคนเวียดนาม โดยที่ผ่านมางานเทศกาลไทยได้รับผลตอบรับและเป็นที่ชื่นชอบของชาวเวียดนามจำนวนมาก ซึ่งผู้แทนการค้าเห็นพ้องและเชื่อมั่นว่าจะสามารถต่อยอดกิจกรรมต่าง ๆ สู่ความร่วมมือในระยะยาวทั้งในระดับชุมชนและระดับภูมิภาคได้
ในช่วงท้าย ผู้แทนการค้าไทยยืนยันความพร้อมในการร่วมมือกับภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย–เวียดนาม เพื่อผลักดันโอกาสการค้าใหม่ ทั้งในรูปแบบการส่งออกสินค้าเด่น การลงทุน และความร่วมมือในระดับประชาชน ซึ่งจะนำไปสู่ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้น ยั่งยืน และตอบโจทย์ประชาชนทั้งสองประเทศในระยะยาว