วันนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน 2568) เวลา 12.25 น. ณ ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังการประชุมของศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) ซึ่งมีนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ และพลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ร่วมแถลงผลการประชุม โดยมีรายละเอียดดังนี้
รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวสรุปสาระสำคัญของการประชุมศูนย์เฉพาะกิจฯ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการต่างประเทศ 2 ประเด็น ดังนี้
1) กรณีที่มีการกล่าวหาในสื่อสังคมออนไลน์และช่องทางอื่น ๆ ว่า ฝ่ายไทยได้มีการใช้โดรนบินในน่านฟ้าของกัมพูชา มีการขุดคูเลต ระดมอาวุธ สร้างสิ่งปลูกสร้าง และมีการเสริมกำลังพลตามแนวชายแดน โดยขอย้ำอีกครั้งว่าจากการกล่าวหามาทั้งหมดนี้ อยู่บนพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ไม่มีการลุกล้ำน่านฟ้า และแผ่นดินของกัมพูชาแต่อย่างใด และยังคงมีกำลังพลเช่นเดิม ดังนั้น ไทยจึงปฏิเสธคำกล่าวหาที่ว่าไทยละเมิด MOU 2543 ซึ่งป็นสนธิสัญญาที่ทั้งสองฝ่ายยึดถือและปฏิบัติตาม
2) ทางรัฐบาลไทยยังคงเชื่อมั่นว่ากลไกทางการทูต กลไกทวิภาคี การเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่าย ยังเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพ และเหมาะสมที่สุดในการแก้ไขปัญหาเขตแดนระหว่างกัน ซึ่งสอดคล้องกับธรรมเนียมปฏิบัติสากล โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการประชุม JBC สมัยพิเศษ ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพครั้งต่อไป ในเดือนกันยายน 2568 นี้ จะวางพื้นฐานสำหรับการทำงานร่วมกันต่อไป และทั้งสองฝ่ายจะสามารถตกลงร่วมกันได้
สำหรับด้านความมั่นคง รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นในการปฏิบัติการทางทหาร โดยกองกำลังในพื้นที่ ซึ่งมีจำนวน 3 กองกำลังด้วยกัน ได้แก่ กองกำลังสุรนารี กองกำลังบูรพา และกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทรบุรีและตราด ซึ่งยังคงดำรงเฝ้าระวังทางทหารตามแนวทางการดำเนินการของกองทัพอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ที่เป็นอธิปไตยของไทย
กรณีแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากการจำกัดประเภทคน และการเปิด-ปิดการเข้าออกด่านผ่านแดน ทางกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน พร้อมให้การสนับสนุนจัดหางานทดแทนให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ ส่วนแรงงานไทยในกัมพูชา ทางรัฐบาลได้จัดเตรียมมาตรการในการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทั้งนี้ รัฐบาลยืนยันไม่มีนโยบายผลักดันแรงงานกัมพูชากลับประเทศ
กรณีพี่น้องเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการจำหน่ายสินค้าผักและผลไม้ผ่านแดน กระทรวงพาณิชย์ได้มีมาตรการในการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ ผ่านการประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อาทิ ผู้ค้าปลีก ผู้ค้าส่ง ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าท้องถิ่น เป็นต้น รวมทั้งได้รับความร่วมมือจากไปรษณีย์ไทย ในการจัดส่งสินค้าผ่านทางไปรษณีย์ ในส่วนของเกษตรกรในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ทางกระทรวงพาณิชย์ได้มีการมอบหมายให้ พาณิชย์จังหวัด ประสานงานจัดหาพื้นที่ที่สามารถนำสินค้าผักและผลไม้ออกจำหน่ายให้กับประชาชน ทั้งนี้ ยืนยันว่าทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นภาครัฐและภาคเอกชนให้ความร่วมมือในการรับซื้อและจำหน่ายสินค้าของเกษตรกรเป็นอย่างดี
ในช่วงท้าย รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวเสริมว่า ในช่วงนี้มีการเปิดเผยข่าวสารต่าง ๆ ที่อาจจะสร้างความแตกแยก จึงขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารข้อเท็จจริงจากช่องทางของ ศบ.ทก.
