วันนี้ (18 มิถุนายน 2568) นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (17 มิถุนายน 2568) มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขนส่งน้ำมันโดยถังขนส่งน้ำมัน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอและส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไป
นางสาวศศิกานต์ กล่าวว่า ร่างกฎกระทรวงการขนส่งน้ำมันโดยถังขนส่งน้ำมัน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่กระทรวงพลังงานเสนอ เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงการขนส่งน้ำมันโดยถังขนส่งน้ำมัน พ.ศ. 2558 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2542 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 โดยมีสาระสำคัญสรุป ดังนี้
1. เพิ่มการกำหนดค่าความดันที่ใช้ในการคำนวณออกแบบถังขนส่งน้ำมันโดยความดันที่ใช้ในการคำนวณออกแบบต้องไม่น้อยกว่า 2 เท่าของความดันสถิติของน้ำ (แรงดันจากของเหลวซึ่งอยู่ในถังที่กระทำต่อผนังของถัง) เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
2. เพิ่มการกำหนดให้ถังขนส่งน้ำมันต้องได้รับการทดสอบและตรวจสอบแนวเชื่อมด้วยวิธีการถ่ายด้วยรังสี (radiographic examination) หรือวิธีคลื่นเสียงความถี่สูง (ultrasonic examination) เพื่อวัดความหนาและค้นหาจุดบกพร่องที่เกิดขึ้นในเนื้อวัสดุ เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดการขนส่งสินค้าอันตรายทางถนนของประเทศไทย
3. เพิ่มวิธีการปฏิบัติสำหรับถังขนส่งน้ำมันที่มีการติดตั้งระบบควบคุมไอน้ำมัน กรณีที่ต้องทำการจ่ายน้ำมันในเขตพื้นที่ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมไอน้ำมันเชื้อเพลิง ก่อนจะทำการจ่ายน้ำมันต้องตรวจสอบว่าระบบท่อไอน้ำมันเชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์เพื่อป้องกันถังขนส่งน้ำมันยุบตัว เพื่อให้สอดคล้องตามกฎกระทรวงว่าด้วยการควบคุมไอน้ำมันเชื้อเพลิงที่ต้องติดตั้งระบบควบคุมไอน้ำมันเชื้อเพลิงตามลักษณะเขตพื้นที่ และสถานที่ตามกฎหมาย เช่น ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงที่ติดถนนใหญ่ ซึ่งเป็นเขตถนนทางหลวงหรือถนนสาธารณะที่มีความกว้างไม่น้อยกว่า 12 เมตรหรือถนนส่วนบุคคลที่มีความกว้างไม่น้อยกว่า 10 เมตร และให้บริการแก่ยานพาหนะทางบก โดยมีถังเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ใต้พื้นดิน ต้องมีระบบควบคุมไอน้ำมันเชื้อเพลิง ลักษณะที่ 1 (vapour recovery system stage I) ซึ่งเป็นระบบป้องกันการแพร่กระจายของไอน้ำมันเชื้อเพลิงไปสู่บรรยากาศระหว่างถังเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงกับรถขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงในขณะถ่ายเทน้ำมันเชื้อเพลิง หรือระหว่างการถ่ายเทน้ำมันเชื้อเพลิงจากรถขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงลงสู่ถังเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงใต้พื้นดินในสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งนี้ ก่อนจะทำการจ่ายน้ำมันต้องตรวจสอบว่าระบบท่อไอน้ำมันเชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์เพื่อป้องกันถังขนส่งน้ำมันยุบตัว เป็นต้น
4. เพิ่มเติมกิจการสถานีบริการน้ำมันประเภท ฉ (สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงที่ให้บริการแก่อากาศยาน) ให้เป็นสถานที่ที่สามารถจ่ายน้ำมันให้กับถังขนส่งน้ำมันได้ เพื่อให้สอดดคล้องกับลักษณะการรับน้ำมันของถังขนส่งน้ำมันประเภทรถเติมน้ำมันให้อากาศยานในสนามบิน (เดิมกำหนดให้การรับน้ำมันลงในถังขนส่งน้ำมันต้องกระทำภายในคลังน้ำมันหรือสถานที่เก็บรักษาน้ำมันที่มีแท่นจ่ายน้ำมันซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการควบคุมตามพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2542 เท่านั้น)
5. ปรับปรุงอำนาจของผู้ออกกฎหมายและอนุบัญญัติจากอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เป็น รัฐมนตรี และปรับปรุงการอ้างถึงกฎหมายที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมเจ้าท่าที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายน้ำมัน จากเรือที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมเจ้าท่าตามที่อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานประกาศกำหนด เป็น เรือตามกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือในน่านน้ำไทย หรือการจ่ายหรือเติมน้ำมันตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด เพื่อปรับปรุงเรื่องอำนาจของผู้ออกกฎหมายและอนุบัญญัติเป็นระดับรัฐมนตรี และเพื่อปรับปรุงการอ้างถึงกฎหมายที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมเจ้าท่าที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายน้ำมัน
6. ยกเลิกสถานที่ประกอบกิจการควบคุมประเภทที่ 2 (โรงงานขนาดเล็กหรือเพื่อการเกษตร ปั๊มถังลอยริมถนนขนาดเล็กซึ่งให้บริการแก่ยานพาหนะทางบก ปั๊มหลอดแก้วมือหมุน สถานีบริการทางน้ำขนาดเล็กซึ่งให้บริการแก่เรือ) ไม่ต้องจัดให้มีผู้ปฏิบัติงานตามกฎกระทรวงว่าด้วยคุณสมบัติและการฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง ดูแลการรับหรือจ่ายน้ำมันตลอดเวลา เพื่อให้สอดคล้องกับกฎกระทรวงว่าด้วยคุณสมบัติและการฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้สอดคล้องกับกฎกระทรวงว่าด้วยคุณสมบัติและการฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2558 ที่ไม่ได้กำหนดกิจการควบคุมประเภทที่ 2 ไว้ [เดิมสถานที่ประกอบกิจการควบคุมประเภทที่ 2 และสถานที่ประกอบกิจการควบคุมประเภทที่ 3 (โรงงานขนาดใหญ่ที่เก็บน้ำมันเชื้อเพลิง คลังเชื้อเพลิงซึ่งเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงได้ทุกชนิดตั้งแต่ 500,000 ลิตรขึ้นไป สถานีบริการน้ำมันติดถนนใหญ่โดยถังเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงต้องฝังใต้พื้นดิน สถานีบริการน้ำมัน
ติดถนนซอยโดยถังเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงต้องฝังใต้พื้นดิน ปั๊มถังลอยริมถนนขนาดใหญ่ สถานีบริการทางน้ำขนาดใหญ่ซึ่งให้บริการแก่เรือ และสถานีบริการให้แก่อากาศยานซึ่งให้บริการแก่เครื่องบิน) ต้องมีผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิงดูแลการรับหรือจ่ายน้ำมันตลอดเวลา
7. ในกรณีรถขนส่งน้ำมันเกิดอุบัติเหตุ เพิ่มระยะเวลาการส่งข้อมูล เกี่ยวกับระยะทาง เวลา และความเร็วของรถขนส่งน้ำมันต่ออธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เป็นภายใน 72 ชั่วโมงนับจากการเกิดอุบัติเหตุ (เดิม 24 ชั่วโมง) เพื่อให้สอดคล้องกับความจำเป็นและการปฏิบัติจริงเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งต้องใช้เวลารวบรวมเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
8.แก้ไขถ้อยคำในข้อ 52 (1) และ (10) “หมายเลขอนุญาต” เป็น “เลขที่ใบอนุญาต” และ “ชื่อเจ้าของหรือผู้ประกอบกิจการควบคุม” เป็น “ชื่อผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการ” เพื่อให้สอดคล้องกับกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการแจ้ง การอนุญาต และอัตราค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการประกอบกิจการน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2556
9. กำหนดข้อยกเว้นของการไม่ต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงนี้โดยถังขนส่งน้ำมันที่ได้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตไว้อยู่ในวันก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามข้อ 7 ตามร่างกฎกระทรวงนี้ (การกำหนดค่าความดันที่ใช้ในการคำนวณออกแบบถังขนส่งน้ำมัน โดยค่าความดันดังกล่าวต้องไม่น้อยกว่า 2 เท่าของความดันสถิตของน้ำ)
10. กำหนดเงื่อนไขระยะเวลาของการบังคับให้ปฏิบัติตามร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ โดยถังขนส่งน้ำมันที่ได้รับใบอนุญาตอยู่ในวันก่อนวันที่กฎกระทรวงฯ ใช้บังคับ ให้ผู้ได้รับอนุญาตดำเนินการแก้ไขรายละเอียดของถังขนส่งน้ำมันให้เป็นไปตามข้อ 52 (1) และ (10) แห่งกฎกระทรวงการขนส่งน้ำมันโดยถังขนส่งน้ำมัน พ.ศ. 2558 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงนี้ โดยแก้ไขถ้อยคำ “หมายเลขอนุญาต” เป็น “เลขที่ใบอนุญาต”และ “ชื่อเจ้าของหรือผู้ประกอบกิจการควบคุม” เป็น “ชื่อผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการ” ภายในระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ
ทั้งนี้ ร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 180 วันนับแต่วันในราชกิจจานุเบกษา