วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2567
“เอกนัฏ” ยกทัพ ก.อุตฯ ลงพื้นที่ภาคเหนือ เชียงใหม่-ลำพูน เดินหน้า “ปฏิรูปอุตสาหกรรม สู่เศรษฐกิจยุคใหม่” พร้อมรับมือฝุ่น PM 2.5-น้ำท่วมปีหน้า
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวไพลิน เทียนสุวรรณ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายศุภกิจ บุญศิริ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายเอกนิติ รมยานนท์ นายเศรษฐรัชต์ เลือดสกุล ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม นางสาวณิรดา วิสุทธิชาติธาดา ผู้ช่วยปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม คณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตรวจราชการและประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำพูน ระหว่างวันที่ 29-30 พฤศจิกายน 2567 เพื่อติดตามการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการในพื้นที่ พร้อมเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและปัญหาฝุ่น PM 2.5 รวมถึงขับเคลื่อนนโยบาย "ปฏิรูปอุตสาหกรรม สู่เศรษฐกิจยุคใหม่" โดยมุ่งเน้น 3 ด้านหลัก คือ สู้: การจัดการกากสารพิษ เพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชน Save: การสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันของ SME ไทย เร่งช่วยเหลือ SME ให้เข้าถึงแหล่งทุนและโอกาสทางธุรกิจ สร้าง: การสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า สำหรับจังหวัดเชียงใหม่คณะฯ ได้ลงตรวจเยี่ยมสถานประกอบการ ดังนี้ 1) บริษัท เฮิร์บ เบสิคส์ จำกัด ตำบลหารแก้ว อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ผลิตเครื่องสำอางค์และผลิตภัณฑ์สปา ซึ่งได้รับการส่งเสริมจากศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ทำให้มียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น และได้รับการรับรองมาตรฐานฮาลาล โดยกระทรวงอุตสาหกรรมจะสนับสนุนเพิ่มเติมในด้านต่างๆ เช่น ต้นทุนวัตถุดิบ การเข้าถึงแหล่งเงินทุน และการรับรองมาตรฐาน 2) ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1: หน่วยงานส่งเสริมอุตสาหกรรมและวิสาหกิจระดับภูมิภาค มีบริการให้คำปรึกษา ถ่ายทอดองค์ความรู้ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ พร้อมทั้งมีศูนย์ต่างๆ ที่น่าสนใจ เช่น ศูนย์อนุรักษ์หัตถกรรมเครื่องเขินภาคเหนือ ศูนย์เรียนรู้วิถีไผ่ และศูนย์พัฒนากาแฟไทย 3) ศูนย์วิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงานภาคเหนือ: ดำเนินการเฝ้าระวังมลพิษทางอากาศและทางน้ำจากโรงงาน ตรวจสอบการระบายมลพิษ และให้คำปรึกษาด้านการจัดการมลพิษ 4) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย สาขาเชียงใหม่: ให้สินเชื่อและสนับสนุน SME ในพื้นที่ ส่วนจังหวัดลำพูนได้ตรวจเยี่ยม 1) สำนักงานนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ: กำกับดูแลโรงงานในนิคม และส่งเสริมการจัดทำคาร์บอนฟรุตพริ้นท์ 2) บริษัท มูราตะ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด: ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมจะสนับสนุนด้านบุคลากร การพัฒนาทักษะ และการขยายการลงทุน
สำหรับแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ซึ่งจากสถานการณ์อุทกภัยภาคเหนือตอนบน 1 และ 2 จำนวน 8 จังหวัด (เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน เชียงราย น่าน พะเยา และแพร่ (ข้อมูลสะสมตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม – 12 พฤศจิกายน 2567 ) พบว่า มีสถานประกอบการได้รับผลกระทบจากอุทกภัย จำนวน 207 แห่ง มูลค่าความเสียหายรวม จำนวน 441,926,937 บาท กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ให้การช่วยเหลือโดยให้คำปรึกษาแนะนำการซ่อมบำรุงเครื่องจักร ระบบบำบัดน้ำเสียเบื้องต้นให้แก่โรงงานอุตสาหกรรมหลังน้ำลด จัดทำแผนการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเกิดสถานการณ์ครั้งต่อไป ด้านสินเชื่อจากกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐได้พิจารณาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำสำหรับฟื้นฟูเครื่องจักร การยกเว้นค่าธรรมเนียมโรงงาน จำนวน 18 กิจการ โดยวางแนวทางการป้องกัน/แก้ไขปัญหาอุทกภัยผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม ผ่าน 3 มาตรการช่วยเหลือ-เยียวยา-ฟื้นฟู 1) มาตรการระยะสั้น : เร่งด่วนช่วยเหลือผู้ประสบภัยอุทกภัย 2) มาตรการระยะกลาง : เยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้น 3) มาตรการระยะยาว : ฟื้นฟูผู้ประกอบการและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของพื้นที่
ส่วนมาตรการเร่งรัดแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 กลุ่มจังหวัดภาคเหนือ ได้กำชับให้ผู้ประกอบกิจการโรงงาน จัดทำแผนตรวจ กำกับ ดูแลโรงงานเชิงรุก แจ้งเตือนเหตุอัคคีภัยและอุบัติเหตุจากการประกอบกิจการพร้อมออกมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ฤดูการผลิตปี 2567/2568 ลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสุขภาพอนามัยของประชาชน
“การลงพื้นที่ครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของกระทรวงอุตสาหกรรมในการพัฒนาเศรษฐกิจ ส่งเสริมผู้ประกอบการและดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับภาคอุตสาหกรรมไทย” รัฐมนตรีฯ เอกนัฏ กล่าวทิ้งท้าย