Sunday 22 September 2024
รัฐมนตรีฯ เอกนัฏ หารือ แนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมเอสเอ็มอี พร้อมร่วมมือกับภาคเอกชน เพื่อเป้าหมายการปฏิรูปอุตสาหกรรม
วันที่ 20 กันยายน 2567 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และคณะผู้บริหาร ร่วมหารือกับ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) WHA นำโดย นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มบริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และคณะผู้บริหาร เข้าร่วม ณ อาคารการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
นายเอกนัฏ กล่าวว่า เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ได้มอบนโยบายให้ การนิคมฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานสำคัญของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ต้องเข้ามาร่วมขับเคลื่อนปฏิรูปอุตสาหกรรมไทยให้มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งการยกระดับอุตสาหกรรมเดิมที่มีอยู่ เพื่อเป็นการดึงดูดการลงทุนกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่มีศักยภาพ ตลอดจนต้องการยกระดับเศรษฐกิจไทยไปสู่การเป็นเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ในการพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคม และรักษาสิ่งแวดล้อม
โดยนโยบายเร่งด่วนที่ต้องการขับเคลื่อน คือการเข้าไปช่วยเหลือส่งเสริม SMEs ไทยในการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทย เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายเล็ก ให้เข้ามาอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ได้ โดยอาจจะจัดพื้นที่ และสนับสนุนเทคโนโลยีที่มีอยู่ภายในนิคมฯ ให้แก่ธุรกิจ SMEs ทั้งในแง่ของการลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ การเข้าถึงแหล่งทุน และการสร้าง Supply Chain หรือห่วงโซ่อุปทานให้เกิดขึ้นระหว่างผู้ประกอบการภายในนิคมอุตสาหกรรมนั้น ๆ ซึ่งหน่วยงานในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม เรามีเป้าหมายเดียวกัน และเชื่อมั่นว่าการทำงานของเราจะสำเร็จตามเป้าหมาย เพราะเรามองเห็นภาพเดียวกัน และจับมือและเดินไปด้วยกัน การทำงานร่วมกันเป็นทีม และแสวงหาความร่วมมือกับภาคเอกชน เพื่อเป้าหมายเดียวกันในการปฏิรูปอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ในส่วนของประเด็นนโยบายสำคัญของ WHA ที่ได้ร่วมหารือเพื่อเสนอแนวทางเพื่อพิจารณา ได้แก่ 1. การจัดทำผังเมืองใหม่ที่ทดแทนผัง EEC ควรมีพื้นที่ให้การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมได้อย่างพอเพียง 2. ระยะเวลาที่ใช้ในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมและใบอนุญาตที่เกี่ยวข้อง โดยเสนอการพิจารณาปรับลดขั้นตอนในการขออนุมัติให้สั้นลง 3. เสถียรภาพของไฟฟ้าและความต้องการพลังสะอาด (RE100) ซึ่งนักลงทุนต่างชาติ มองหาเสถียรภาพของไฟฟ้าพลังงานสะอาด จากแรงผลักดันเรื่อง ESG โดยเสนอพิจารณา การพัฒนาและขยายระบบส่งไฟฟ้าและสถานีไฟฟ้าย่อยอย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมความมั่นคง 4. เสถียรภาพของสาธารณูปโภคและสามารถรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายได้ โดยเสนอการพิจารณา เร่งรัดกระบวนการต่าง ๆ เพื่อจัดสรรน้ำจากอ่างเก็บน้ำอย่างเหมาะสม สำหรับมาตรการระยะสั้น เพื่อไม่ให้ขาดแคลนน้ำ 5. การพัฒนาและขยายเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งและประสิทธิภาพของกระบวนการที่เกี่ยวข้อง โดยเสนอเพื่อพิจารณา เร่งรัดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมโดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ให้แล้วเสร็จตามกำหนดที่วางไว้ เร่งรัดการพัฒนาโครงการรถไฟทางคู่ และ 6. นโยบายภาครัฐและนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่น่าดึงดูด โดยข้อเสนอพิจารณาปรับกระบวนการขออนุมัติบัตรส่งเสริมการลงทุนให้มีความกระชับมากขึ้น และลดระยะเวลาพิจารณาอนุมัติบัตรส่งเสริมการลงทุน พิจารณาการจัดตั้งหน่วยงานที่เป็น One-Stop Permit and License Approval Authority ออกมาตรการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ในภาคขนส่ง และเร่งรัดกระบวนการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) เป็นต้น
จากนั้น รัฐมนตรีฯ เอกนัฏ พร้อมคณะผู้บริหาร ได้รับมอบ ท่อพีวีซี จากบริษัท เอสจีซี วีนิไทย จำกัด (มหาชน) โดย นายทศพร บุณยพิพัฒน์ ตำแหน่ง President บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) และ ตำแหน่ง รองประธานกรรมการ บริษัท เอจีซี วีนิไทย จำกัด (มหาชน) นายโนบูโอะ นาคาโอะ (Mr. Nobuo Nakao) ตำแหน่ง กรรมการบริหารสำนักงานกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอจีซี วีนิไทย จำกัด (มหาชน) และนายวรเทพ เลิศวิญญู ตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานวางแผนองค์กร บริษัท เอจีซี วีนิไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อนำไปช่วยเหลือฟื้นฟูระบบประปาภูเขา สำหรับพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย จังหวัดเชียงราย ภายใต้โครงการ “อุตสาหกรรมรวมใจ ช่วยพี่น้องชาวไทย”