วันนี้ (20 มิ.ย. 68) เวลา 13.30 น. นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานพิธีบำเพ็ญกุศลทอดผ้าป่าสามัคคี มูลนิธิภูมิพโลภิกขุ ประจำปี 2568 โดยได้รับเมตตาจาก พระปัญญาวชิราภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร เป็นประธานสงฆ์ ณ ศาลาการเปรียญวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ
โอกาสนี้ นายขจร ศรีชวโนทัย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายบูรณิศ ยุกตะนันทน์ ผู้อำนวยการองค์การตลาด พร้อมคณะผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ได้แก่ นายสมบัติ ไตรศักดิ์ นายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต นายชยชัย แสงอินทร์ และนายทศพล เผื่อนอุดม รวมถึงนายฐิระวัตร กุลละวณิชย์ รองประธานกรรมการมูลนิธิภูมิพโลภิกขุ นายระพินทร์ จารุดุล กรรมการผู้จัดการมูลนิธิภูมิพโลภิกขุ ผู้บริหารกรม และหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย และพุทธศาสนิกชน ร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก
“มูลนิธิภูมิพโลภิกขุ” เพื่อการค้นคว้าและเผยแผ่ทางพระพุทธศาสนา” เป็นมูลนิธิฯ ที่ยกขึ้นจากกองทุนพิเศษ “ภูมิพโลภิกขุ” ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานแก่สมาคมศูนย์ค้นคว้าทางพระพุทธศาสนา ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ยกกองทุนพิเศษฯ ดังกล่าวเป็น “มูลนิธิภูมิพโลภิกขุ” เป็นชื่อมูลนิธิฯ โดยได้จดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2516 โดยปัจจุบัน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับเป็นองค์ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2553 สืบต่อจากสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับโครงการ “ปริวรรตอักษรขอม และอักษรโบราณท้องถิ่น ชำระและแปลพระคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาเป็นภาษาไทย” ของมูลนิธิฯ เป็นโครงการในพระราชูปถัมภ์
การจัดพิธีทอดผ้าป่าฯ ในวันนี้ กระทรวงมหาดไทยร่วมกับพุทธศาสนิกชนและภาคีเครือข่าย ร่วมทอดผ้าป่าถวายพระราชกุศล เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 2,893,025.16 บาท ซึ่งมูลนิธิภูมิพโลภิกขุ เพื่อการค้นคว้าและเผยแผ่ทางพระพุทธศาสนา ได้ชื่อว่าเป็นหน่วยงานสร้างพระคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาในส่วนที่ยากยิ่งทางวิชาการให้ครบบริบูรณ์ ซึ่งเป็นปัจจัยต่อการศึกษาวิจัยค้นคว้าลงลึกในพระธรรมวินัยได้อย่างกว้างขวาง เป็นการจรรโลงพระธรรมวินัยคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้คงอยู่ ยั่งยืนสืบไป ดังพุทธดำรัสที่ว่า พระธรรมวินัยที่พระพุทธองค์บัญญัติไว้ดีแล้วจักเป็นศาสดาแก่พุทธบริษัททั้งหลาย ตลอดไป