วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน 2568
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่ครอบครัวผู้เสียหาย ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯ รวมมูลค่า 750,000 บาท
ในวันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน 2568 เวลา 08.30 น. พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่ครอบครัวผู้เสียหาย ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 โดยมี นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนางสาวเอมอร เสียงใหญ่ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ผู้บริหารของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ บริเวณหน้าศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม ชั้น 1 อาคารกระทรวงยุติธรรม เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร
โอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า พิธีมอบเงินช่วยเหลือแก่ผู้เสียหายจากการถูกทรมาน ถูกกระทำการที่โหดร้ายและถูกกระทำให้สูญหาย นับเป็นการดำเนินการครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศไทยที่รัฐได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายอย่างเป็นทางการ ตามระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายว่าด้วยการช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟูผู้เสียหาย พ.ศ. 2568 ซึ่งระเบียบฉบับนี้ไม่ใช่เพียงเครื่องมือทางกฎหมาย แต่คือหลักฐานของเจตจำนงของประเทศไทยที่ไม่เพิกเฉยต่อการกระทำที่เกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำทรมาน กระทำโหดร้ายหรืออุ้มหาย ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง และเป็นอาชญากรรมที่ไม่มีวันหมดอายุทางความรู้สึก ขอให้ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญ ร่วมมือไม่ให้คนตกเป็นเหยื่อของการทรมานและถูกอุ้มหายดังที่ตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน กำหนดไว้ว่า "บุคคลใดจะถูกกระทำการทรมานหรือการปฏิบัติหรือการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีไม่ได้ " พิธีในวันนี้จึงสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงจากการนิ่งเฉยสู่การยอมรับ และจากความทุกข์ส่วนบุคคลสู่ความรับผิดชอบของรัฐ กระทรวงยุติธรรมขอยืนยันว่า เราจะไม่ยุติความพยายามไว้เพียงแค่การเยียวยา แต่จะเดินหน้าปฏิรูปกฎหมาย กลไกตรวจสอบ และการเข้าถึงความยุติธรรมอย่างเท่าเทียม เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้รับความคุ้มครองและได้รับการเยียวยาอย่างเป็นธรรมต่อไป
สำหรับพิธีมอบเงินช่วยเหลือแก่ผู้เสียหายในวันนี้ เป็นการมอบเงินให้แก่ครอบครัวผู้เสียหาย จำนวน 2 ราย รวมเป็นเงิน 750,000 บาท พร้อมทั้งให้ได้รับการช่วยเหลือในรูปแบบอื่นที่มิใช่ตัวเงิน ดังนี้
1) ครอบครัวพลทหารกิตติธร เวียงบรรพต ทหารกองประจำการ (ทหารเกณฑ์) รุ่นปี 2566 ผลัดที่ 1 ที่หน่วยฝึกทหารใหม่ ค่ายเม็งรายมหาราช จังหวัดเชียงราย ถูกครูฝึกสั่งลงโทษจนเป็นเหตุให้พลทหารกิตติธรฯ มีอาการป่วยหนัก และไม่พาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลจนเสียชีวิตในที่สุด กรณีดังกล่าวอัยการได้มีคำสั่งฟ้องครูฝึกทหาร 2 นาย ที่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ เป็นคดีหมายเลข ปท 1/2566 ในฐานร่วมกระทำการที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ตามมาตรา 6 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ และประมวลกฎหมายอาญา ม.83 โดยคณะอนุกรรมการช่วยเหลือเยียวยาฯ ได้มีมติให้ทายาทพลทหารกิตติธรฯ ได้รับเงินช่วยเหลือกรณีถูกกระทำการที่โหดร้ายฯ จำนวน 250,000 บาท (อัตราสูงสุดของกรณีถูกกระทำที่โหดร้ายฯ) และให้ได้รับการช่วยเหลือในรูปแบบอื่นที่มิใช่ตัวเงิน ได้แก่ การประสานผู้กระทำความผิดให้ขอโทษผู้เสียหายโดยเปิดเผยต่อสาธารณะ และการฟื้นฟูด้านจิตใจแก่ครอบครัว
2) ครอบครัวพลทหารวรปรัชญ์ พัดมาสกุล ทหารกองประจำการ (ทหารเกณฑ์) ที่หน่วยฝึกทหารใหม่สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ค่ายนวมินทราชินี จังหวัดชลบุรีเสียชีวิตจากการถูกครูฝึกจำนวน 2 นาย และผู้ช่วยครูฝึก จำนวน 11 นาย ร่วมกันลงโทษในลักษณะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันทำร้ายร่างกาย ซึ่งรูปแบบและวิธีการมีลักษณะรุนแรงและต่อเนื่อง กรณีดังกล่าวศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 2 จังหวัดระยอง ได้มีคำพิพากษาลงโทษครูฝึกและผู้ช่วยครูฝึก (จำเลยที่ 1 - 13) จำนวน 13 คน โดยคณะอนุกรรมการช่วยเหลือเยียวยาฯ ได้มีมติให้ทายาทผู้ได้รับความเสียหาย ได้รับเงินช่วยเหลือกรณีถูกกระทำทรมาน จำนวน 500,000 บาท และให้ได้รับการช่วยเหลือในรูปแบบอื่นที่มิใช่ตัวเงินได้แก่ 1) การประสานงานและให้คำปรึกษาทางกฎหมาย 2) การฟื้นฟูด้านจิตใจแก่ครอบครัว และ 3) ประสานหน่วยงานต้นสังกัดเพื่อกำชับการปฏิบัติงาน