เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 68 เวลา 13.30 น. นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทยในฐานะประธานกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาการจ่ายไฟฟ้าไม่เพียงพอในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ร่วมกับนายมงคล ตรีกิจจานนท์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) นายประสิทธิ์ จันทร์ประสิทธิ์ รองผู้ว่าการธุรกิจและตลาด นายพงศกร ยุทธโกวิท รองผู้ว่าการวางแผนและวิศวกรรม และนางชนิดา คล้ายพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายสาธารณะภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท ติ๊กต๊อก เทคโนโลยีส์ จำกัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุม war room ชั้น 2 อาคารศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย
รัฐบาลได้ดำเนินการขับเคลื่อนโครงการภายใต้พระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2561 คือ “โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก” หรือ Eastern Economic Corridor : EEC โดยมุ่งยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจในภาคตะวันออกของประเทศไทย ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนของประเทศ ครอบคลุม 3 จังหวัด คือ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอง พร้อมทั้งเชิญชวนผู้ประกอบการร่วมลงทุนในพื้นที่ดังกล่าว
ภายหลังจากการขับเคลื่อนการลงทุนพัฒนาพื้นที่ฯ พบว่า มีผู้ประกอบการจำนวนมาก อาทิ บริษัท ติ๊กต๊อกฯ และผู้ประกอบการอีกกว่า 16 บริษัท ที่ได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดของระบบจ่ายไฟในพื้นที่ ซึ่งคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้มอบหมายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน 3 แนวทาง ได้แก่
1) เสนอให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน พิจารณารับซื้อไฟฟ้าเพิ่มเติมจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) ที่ยังมีกำลังการผลิตคงเหลืออยู่
2) ประสานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กระทรวงพลังงาน พิจารณาก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูงใหม่ในบริเวณใกล้เคียง เพื่อยกระดับศักยภาพในการจ่ายไฟฟ้าเพิ่มเติม
3) รับทราบการจัดตั้งคณะทำงานของ กฟภ. นำโดยรองผู้ว่าฯ (ประสิทธิ์) ที่จะพิจารณาปรับเปลี่ยนสถานะคำร้องขอรับการจัดสรรไฟฟ้าของผู้ประกอบการที่ไม่มีแผนการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจนภายหลังจากที่ได้รับคำขอ 180 วัน
ทั้งนี้ ประธานกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้ติดตามผลการดำเนินงานร่วมกับ สนพ. และ กฟผ. อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งแจ้งความคืบหน้าของการดำเนินการกับผู้ประกอบการนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุน อันจะเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อไป