วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน 2568
“พิพัฒน์” รับข้อเสนอภาคเอกชน เดินหน้าศึกษาจัดตั้งกองทุนหลักประกันค่าชดเชยลูกจ้าง สร้างระบบแรงงานที่มั่นคง ยั่งยืน เป็นธรรมกับทุกฝ่าย
“พิพัฒน์” รับข้อเสนอภาคเอกชน เดินหน้าศึกษาจัดตั้งกองทุนหลักประกันค่าชดเชยลูกจ้าง สร้างระบบแรงงานที่มั่นคง ยั่งยืน เป็นธรรมกับทุกฝ่าย
วันที่ 16 มิถุนายน 2568 – นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับนายเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล ประธานสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย และคณะ ในโอกาสเข้าหารือและเสนอแนวทางการจัดตั้งกองทุนเพื่อใช้เป็นหลักประกันการจ่ายค่าชดเชยแก่ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างแต่ไม่ได้รับค่าชดเชยตามสิทธิ ซึ่งเป็นการดำเนินงานเพื่อรองรับสถานการณ์ไม่คาดฝันในอนาคต และปกป้องสิทธิแรงงานโดยไม่ส่งผลกระทบต่อนายจ้างที่ปฏิบัติตามกฎหมาย โดยมีนายภุชงค์ วรศรี ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน นางสาวบุปผา เรืองสุด รองปลัดกระทรวงแรงงาน เข้าร่วม ณ ห้องประชุม ศ.นิคม จันทรวิทุร ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ขอขอบคุณสภาองค์การนายจ้างที่มีความห่วงใยต่อประเด็นการจัดตั้งกองทุนหลักประกันการจ่ายค่าชดเชยแก่ลูกจ้างกรณีนายจ้างเลิกจ้าง กระทรวงแรงงานยืนยันว่าให้ความสำคัญทั้งการคุ้มครองสิทธิของลูกจ้างและนายจ้าง โดยได้มอบหมายให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และสำนักงานประกันสังคม เร่งหารือแนวทางที่เหมาะสม เป็นธรรม มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะต้องไม่เป็นภาระต่อนายจ้างเกินสมควร คาดว่าจะสามารถสรุปผลให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2568 นี้ ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
ด้านเรือเอก สาโรจน์ คมคาย อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามที่กระทรวงแรงงาน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 ณ โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพ ผลปรากฏว่าส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการจัดเก็บเงินจากนายจ้างฝ่ายเดียวเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ขณะที่ข้อเสนอของสภาองค์การนายจ้างฯ มีความเห็นว่า ควรจัดตั้งเป็นกองทุนใหม่โดยภาครัฐสนับสนุนงบประมาณจากภาครัฐทั้งหมด และไม่เห็นด้วยกับแนวทางที่ให้เก็บเงินสมทบจากนายจ้างเพิ่มเติม ตามร่างมาตรา 131/1 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานที่อยู่ระหว่างการพิจารณา โดยเห็นว่าแนวทางที่เสนอจะไม่เพิ่มภาระให้นายจ้างที่ปฏิบัติตามกฎหมาย และส่งเสริมความมั่นคงในระบบแรงงานและการลงทุนในประเทศ อย่างไรก็ตาม กสร. จะนำความคิดเห็นของทุกฝ่ายมาพิจารณาอย่างรอบคอบที่สุด
"กระทรวงแรงงานดำเนินงานภายใต้หลักไตรภาคีที่ให้ความสำคัญกับทุกภาคส่วน ทั้งนายจ้าง ลูกจ้าง และภาครัฐ การออกมาตรการใด ๆ ต้องคำนึงถึงความสมดุล เหมาะสมกับบริบททางเศรษฐกิจ และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย กระทรวงแรงงานจึงยินดีรับข้อเสนอของสภาองค์การนายจ้างฯ ไว้พิจารณา และจะเร่งดำเนินการเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่นำไปสู่การปรับปรุงกฎหมายอย่างเป็นรูปธรรม" นายพิพัฒน์ กล่าว