วันพุธที่ 11 มิถุนายน 2568
การฝึกการระดมสรรพกำลังเพื่อการทหาร เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกการบริหารวิกฤตการณ์ระดับชาติ ของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
โดยใช้กรอบสถานการณ์การฝึกสอดคล้องกับการฝึกร่วมกองทัพไทย ตามแผนป้องกันประเทศ มุ่งเน้นการฝึกเพื่อสนับสนุนทรัพยากรภายใต้แผนผนึกกำลังและทรัพยากรเพื่อการป้องกันประเทศ
การฝึกปัญหาที่บังคับการ การฝึกการระดมสรรพกำลังเพื่อการทหาร เป็นการฝึกปฏิบัติในการวางแผน อำนวยการของศูนย์ระดมสรรพกำลัง และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามแผนการปฏิบัติของหน่วย เพื่อทดสอบการระดมทรัพยากรจากฝ่ายพลเรือน สนับสนุนตามความต้องการทางทหาร
โดยเมื่อวันพุธที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๘ เวลา ๐๙.๓๐ นาฬิกา พลเอก ธราพงษ์ มะละคำ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้แทนปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดการฝึกฯ และตรวจเยี่ยมการฝึกปัญหาที่บังคับการ การฝึกการระดมสรรพกำลังเพื่อการทหาร ประจำปี ๒๕๖๘ โดยมี นายรัชกรณ์ นภาพรพิพัฒน์ รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้แทนเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และ พลโท คณพล บำรุงเมือง เจ้ากรมการสรรพกำลังกลาโหม ร่วมคณะการตรวจเยี่ยม ณ กรมการสรรพกำลังกลาโหม ชั้น ๔ อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม พื้นที่ศรีสมาน
สำหรับการฝึกปัญหาที่บังคับการในครั้งนี้ เป็นการฝึกการแก้ปัญหาตามบ่งการฝึกร่วมที่มีการบูรณาการจัดทำร่วมกันระหว่างฝ่ายทหารและพลเรือน โดยอาศัยกลไกในการตอบโต้ผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในการติดต่อสื่อสารและประสานงานระหว่างศูนย์ระดมสรรพกำลัง ศูนย์ปฏิบัติการในระดับกระทรวง และกองอำนวยการฝึก ซึ่งมีกำลังพลสำรองทำหน้าที่ประสานงานระหว่างศูนย์ระดมสรรพกำลังกับศูนย์ปฏิบัติการด้านทรัพยากร โดยแบ่งพื้นที่การฝึก ดังนี้
๑. พื้นที่กรมการสรรพกำลังกลาโหม จัดตั้งกองอำนวยการฝึก ประกอบด้วย ๑) ส่วนวางแผนและควบคุมการฝึก ๒) ส่วนการฝึก ปฏิบัติหน้าที่เป็นศูนย์ระดมสรรพกำลัง ๓) ส่วนประเมินผลการฝึก ๔) หน่วยสังเกตการณ์การฝึก ได้แก่ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักนโยบายและแผนกลาโหม กรมพระธรรมนูญ และสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ
๒. พื้นที่ศูนย์ปฏิบัติการในระดับกระทรวง ๑๐ ด้าน จัดตั้ง ณ ที่ตั้งส่วนราชการของหน่วย เพื่อปฏิบัติการฝึกในการแก้ไขปัญหา/บ่งการฝึกร่วม ดำรงการติดต่อและประสานงานด้านข้อมูลตามแผนเตรียมพร้อมทรัพยากรที่หน่วยงานรับผิดชอบ สอดคล้องตามแผนผนึกกำลังและทรัพยากรเพื่อการป้องกันประเทศ
การฝึกปัญหาที่บังคับการ การฝึกการระดมสรรพกำลังเพื่อการทหาร จะเป็นผลดีต่อการระดมสรรพกำลังเพื่อการทหารในภาพรวมของประเทศ เนื่องจากเป็นการสร้างความรู้ ความเข้าใจ ความประสานสอดคล้องในการปฏิบัติเพื่อเตรียมพร้อมทรัพยากรที่แต่ละหน่วยงานรับผิดชอบตั้งแต่ภาวะปกติ เป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงาน เกิดการบูรณาการในการปฏิบัติงานร่วมกัน และพร้อมให้การสนับสนุนทรัพยากรได้ตรงตามบัญชีความต้องการได้ทันต่อเหตุการณ์ หากประเทศต้องเข้าสู่ภาวะวิกฤต หรือเข้าสู่สภาวะสงครามได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป