วันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม 2568
“รมช.คค. มนพร“ บรรยายพิเศษเรื่อง ความสำคัญของการประสานงานการเมืองกับการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล แก่เครือข่ายนักประสานงานการเมืองทุกกระทรวง
นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะที่ปรึกษาและกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร บรรยายพิเศษเรื่อง ความสำคัญของการประสานงานการเมืองกับการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล แก่เครือข่ายนักประสานงานการเมืองทุกกระทรวง
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะที่ปรึกษาและกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร หรือวิปรัฐบาล เป็นวิทยากรในโครงการพัฒนาเครือข่ายนักประสานงานการเมือง ซึ่งจัดโดย สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีโดยมีสำนักงานรัฐมนตรีทุกกระทรวง สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในองค์การประสานงานการเมืองและกิจการรัฐสภาเข้าร่วมรวมกว่า 120 คน
โอกาสนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้บรรยายให้กับผู้ประสานงานการเมืองทุกคนรับทราบถึงความสำคัญของการประสานงานการเมืองและกิจการรัฐสภาในการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลซึ่งต้องมีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิดทั้งในระดับการเมือง และระดับข้าราชการประจำซึ่งเป็นฝ่ายสนับสนุนเพื่อทำให้การขับเคลื่อนนโยบายของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่ต้องเสนอเป็นกฎหมายหรือเรื่องต่าง ๆ ที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนซึ่งเสนอผ่านสภาได้รับการแก้ไขโดยเร็ว ทั้งนี้ ได้กำชับให้ผู้ประสานงานการเมืองทุกกระทรวง ทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการเพื่อสนับสนุนภารกิจด้านกิจการรัฐสภา ของรัฐบาลให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยเฉพาะการตอบกระทู้ถามในที่ประชุมสภาซึ่งเป็นที่สนใจของประชาชนเพราะนอกเหนือจากจะเป็นกลไกการตรวจสอบถ่วงดุลของฝ่ายนิติบัญญัติแล้ว ยังถือเป็นช่องทางที่รัฐบาลจะได้สื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบถึงการทำงานของรัฐบาลในการเร่งแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้วยเช่นกัน โดยเน้นย้ำว่า “ หากงานสภาเข้มแข็ง รัฐบาลก็มั่นคง”
นอกจากนี้ นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งเดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการดังกล่าว ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของกลไกการประสานงานการเมืองที่ทุกกระทรวงต้องทำงานร่วมกัน โดยสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ถือเป็นสื่อกลางในการประสานงานทุกฝ่ายเพื่อขับเคลื่อนภารกิจด้านการเมืองของท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลให้บรรลุผล ซึ่งสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเองได้มีการพัฒนาระบบ e-PCOS ขึ้น เพื่อใช้ในการบูรณาการข้อมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ และยกระดับการทำงานในการประสานงานการเมืองให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว ทันสมัย ตอบโจทย์นโยบายรัฐบาลดิจิทัล จึงขอความร่วมมือให้ทุกส่วนราชการ ให้ความสำคัญทั้งการประสานงานระหว่างกันและการยกระดับการทำงานร่วมกัน เพื่อเป็นกำลังสำคัญ ในการสนับสนุนงานของรัฐบาลที่จะผลักดันนโยบายเพื่อประชาชนต่อไป