วันที่ 21 เมษายน 2568 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมคณะประกอบด้วย นางสาวไพลิน เทียนสุวรรณ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายเศรษฐรัชต์ เลือดสกุล ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นายภัทรพล ลิ้มภักดี รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม และนายอุดม สอนจิตต์ อุตสาหกรรมจังหวัดปทุมธานี เข้าเยี่ยมชมสายการผลิตอุปกรณ์ Photonics สำหรับโครงการข่ายการสื่อสาร (Communication Network) โครงข่ายปัญญาประดิษฐ์ (AI) และศูนย์ข้อมูล (Data Center)  พร้อมได้ประชุมหารือกับคณะผู้บริหารระดับสูง บริษัท ลูเมนตั้ม อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด โดยมี นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ร่วมให้การต้อนรับ ณ บจก.ลูเมนตั้ม (ประเทศไทย) ตั้งอยู่ในเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร จ.ปทุมธานี 

ทั้งนี้ บจก.ลูเมนตั้ม (ประเทศไทย) มีบริษัทแม่อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในประเทศไทย โดยยืนยันจะลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายการผลิตและนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มาผลิตในไทย พร้อมจะเพิ่มกิจกรรมและบุคลากรด้านการออกแบบและด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) ทำให้มีการจ้างงานคนไทยในทุกระดับมากกว่า 1,000 คน ที่สำคัญจะนำพันธมิตรทางธุรกิจและคู่ค้ามาตั้งโรงงานในประเทศไทย เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทาน Photonics ต่อไป

นอกจากนี้ ยังได้หารือกับกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อขอรับการสนับสนุนในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ 
1) การตั้งกลุ่มเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรม Photonics เพื่อกำหนดกลยุทธ์และพัฒนากำลังคนในอนาคตภายใต้แผนพัฒนาด้านเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงแห่งชาติ
2) ขอปรับปรุงและเพิ่มรายชื่อหมวดสินค้าและอุปกรณ์ในห่วงโช่ของอุตสาหกรรม Photonics ในบัญชีกลุ่มผลิตภัณฑ์การผลิตและนำเข้า เพื่อการส่งออก 
3) พิจารณาให้อุตสาหกรรม Photonics อยู่ในสาขาอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศไทยภายใต้กรอบของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) 
4) กำหนดแผนในการพัฒนาและยกระดับบุคลากรในประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมฯ โดยบริษัทฯ ยินดีให้การสนับสนุนในทุกด้าน
5) การมีกลไกของรัฐเพื่อช่วยสนับสนุนในการยกระดับศักยภาพของผู้ผลิตและวัตถุดิบให้สามารถป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมดังกล่าว
 
โดยรัฐมนตรีฯ เอกนัฏ พร้อมคณะได้เข้าเยี่ยมชมห้องคลีนรูม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในกระบวนการผลิต Cloud Module ที่เป็นเทคโนโลยีหลักของบริษัทฯ โดยผู้บริหารลูเมนตั้มได้ฉายภาพให้เห็นถึงศักยภาพอันโดดเด่นของเทคโนโลยี Photonics ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีโอกาสเติบโตสูงจากการขยายตัวของเครือข่ายการสื่อสารยุคใหม่ เช่น 5G รวมถึงความต้องการในการประมวลผลและรับส่งข้อมูลขนาดใหญ่ที่เพิ่มมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด 
 
"อุตสาหกรรม Photonics เป็นเทคโนโลยีพื้นฐานที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการสื่อสารความเร็วสูง ซึ่งมีบทบาทชี้ขาดต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายต่าง ๆ ในอนาคต การที่เราสามารถพัฒนาเทคโนโลยีนี้ได้เอง จะเป็นการยกระดับห่วงโซ่อุปทานของประเทศให้มีมูลค่าสูงขึ้นในระดับโลก และลดการพึ่งพาการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศ การดำเนินงานของบริษัทฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นสัญญาณบวกที่สำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของประเทศไทย และเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันให้ประเทศก้าวสู่ยุคของการสื่อสารด้วยเทคโนโลยีแสงอย่าง Photonics ให้เต็มรูปแบบยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีสแกนใบหน้า (Face Scan) 5G Network, Data Center, AI, Machine Learning และ Cloud Computing  ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาวของประเทศไทย” รัฐมนตรีฯ เอกนัฏ กล่าวปิดท้าย