วันนี้ (วันจันทร์ที่ 24 มีนาคม 2568) เวลา 10.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเร็วกว่ากรุงเทพฯ 1 ชั่วโมง) ณ Bilik Gerakan ชั้น 7 ตึก Wisma Tani กระทรวงเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร เมืองปูตราจายา มาเลเซีย นายชัย วัชรงค์ ผู้แทนการค้าไทย และคณะ เข้าพบหารือกับ YB Datuk Seri Haji Mohamad bin Sabu รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและความมั่นคงทางอาหารของมาเลเซีย และคณะ โดยสรุปสาระสำคัญของการหารือ ดังนี้
ผู้แทนการค้ายินดีที่ได้พบหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ มาเลเซีย ซึ่งการเยือนครั้งนี้เป็นการยืนยันความพร้อมและความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการยกระดับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยและมาเลเซีย โดยเฉพาะภาคธุรกิจโคเนื้อ โดยไทยมุ่งเน้นการเพิ่มปริมาณการค้าโคมีชีวิต การริเริ่มการส่งออกเนื้อโคแปรรูป การส่งเสริมการส่งออกพ่อแม่พันธุ์โคคุณภาพ พร้อมยืนยันศักยภาพของไทยในด้านความเชี่ยวชาญด้านอาหารสัตว์และการจัดการฟาร์ม ซึ่งสามารถส่งเสริมมาเลเซียเพื่อเพิ่มอุปทานในประเทศได้ รวมไปถึงการพัฒนาตลาดอาหารฮาลาล และการขยายการค้าชายแดน ซึ่งในวันนี้ทางคณะผู้แทนการค้า ได้จัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ระหว่างผู้ประกอบการไทยด้านปศุสัตว์ที่สนใจธุรกิจโคเนื้อระดับสูงกับฝ่ายมาเลเซียเพื่อสนับสนุนความร่วมมือทางการค้าเกษตรระหว่างกันอีกด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ มาเลเซีย เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบหารือเพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นร่วมกัน ซึ่งมาเลเซียเห็นถึงโอกาสอันดีในการพัฒนาการค้าปศุสัตว์ระหว่างกัน ซึ่งต้องมีการหารือร่วมกันอย่างต่อเนื่องเพื่อรับทราบความต้องการร่วมกัน เพื่อให้เกิดการค้าที่เป็นธรรมและยั่งยืน สร้างประโยชน์ร่วมกันแก่ทั้งสองประเทศ โดยมาเลเซียพร้อมแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ ตลอดจนเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงตลาดฮาลาลให้มากขึ้นในอนาคต
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันในประเด็นสำคัญ ดังนี้
ด้านการเพิ่มปริมาณการค้า เห็นพ้องที่จะยกระดับการค้าระหว่างไทยและมาเลเซีย โดยผู้แทนการค้าเน้นย้ำการส่งออกในภาคโคเนื้อไปสู่ระดับพรีเมียม ซึ่งสามารถเพิ่มปริมาณการค้าโคมีชีวิตระหว่างสองประเทศได้
ด้านการส่งออกเนื้อโคและการเพาะพันธุ์โค ไทยยืนยันความพร้อมที่จะส่งออกเนื้อวัวแปรรูปไปยังมาเลเซีย ซึ่งจะเป็นการขยายตลาดใหม่ ต่อเนื่องจากเดิมที่มีเพียงการส่งออกโคมีชีวิตเท่านั้น โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ มาเลเซีย กล่าวถึงการกำหนดมาตรฐานสำหรับการส่งออก โดยสถานประกอบการที่สนใจส่งออกไปยังมาเลเซียต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดการนำเข้าเฉพาะ รวมถึงการส่งใบรับรองสุขภาพสัตว์ ขณะที่ผู้แทนการค้าให้ความเชื่อมั่นในความปลอดภัยและคุณภาพ ซึ่งจะมีการรับรองมาตรฐานจากกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยด้วย โดยผู้แทนการค้ายังได้นำเสนอถึงการส่งออกพ่อแม่พันธุ์โคจากไทยไปมาเลเซีย ซึ่งไทยมีความเชี่ยวชาญในการผลิตพ่อแม่พันธุ์โคคุณภาพ
ด้านการนำเข้าเนื้อสุกรไปยังมาเลเซีย นักธุรกิจมาเลเซียจำนวนมากสนใจนำเข้าเนื้อสุกรจากไทย ซึ่งผู้แทนการค้าเน้นย้ำว่า ไทยมีฟาร์มสุกรที่ทันสมัย ได้มาตรฐานความปลอดภัยทางชีวภาพระดับสูง พร้อมสนับสนุนให้มาเลเซียติดต่อกับผู้ประกอบการไทยเพื่อการค้าขายที่ยั่งยืนร่วมกัน นอกจากนี้ ยังมีระเบียบการตรวจสอบโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ก่อนการนำเข้าเพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์เนื้อสุกรทั้งหมดเป็นไปตามมาตรฐานด้านสุขภาพ
ด้านการพัฒนาอาหารฮาลาล ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในการพัฒนาตลาดอาหารฮาลาล ตลอดจนแนวคิดในการตั้งโรงงานแปรรูปอาหารฮาลาลในพื้นที่แถบชายแดนเพื่อขยายศักยภาพร่วมกัน รวมทั้งจะสนับสนุนความร่วมมือทวิภาคีระหว่างไทยและมาเลเซียด้านการเกษตรและความมั่นคงทางอาหารฮาลาล ซึ่งจะช่วยสนับสนุนนโยบายความมั่นคงทางอาหารและสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยสำหรับผู้ประกอบการทั้งสองฝ่าย
อนึ่ง ระหว่างวันที่ 23 – 25 มี.ค. 68 นี้ ผู้แทนการค้าไทยและคณะ ได้นำคณะผู้ประกอบการไทยด้านปศุสัตว์ จำนวน 9 ราย เดินทางไปยังมาเลเซีย เพื่อขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุน โดยที่ผ่านมา ผู้แทนการค้าไทยได้หารือร่วมกับมาเลเซียอย่างต่อเนื่องในด้านที่มีศักยภาพร่วมกัน โดยเฉพาะด้านการทำฟาร์มปศุสัตว์ การส่งออก เนื้อวัว เนื้อไก่ ไปยังมาเลเซีย ซึ่งการเยือนครั้งนี้ จะเดินทางไปใน 3 แห่งหลัก คือ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองปูตราจายา และรัฐสลังงอร์ โดยทั้งสองฝ่ายจะได้พบปะหารือ แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นร่วมกับภาครัฐของมาเลเซีย รวมทั้งร่วมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจกับภาคเอกชนของมาเลเซีย
