วันที่ 21 มีนาคม 2568 – นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิด “โครงการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาความร่วมมือในการขับเคลื่อนภารกิจด้านความปลอดภัยในการทำงาน มุ่งสู่วัฒนธรรมความปลอดภัยที่ยั่งยืน” โดยมี นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เรือเอก สาโรจน์ คมคาย อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมความปลอดภัยฯ​ (สสปท.) ผู้แทนคณะกรรมการฯ ผู้แทนภาคเอกชน สมาคมวิชาชีพ และคณะกรรมการด้านความปลอดภัยทั้ง 4 คณะ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ณ โรงแรม ดิเอมเมอรัลด์ กรุงเทพฯ
 
         นายพิพัฒน์ กล่าวว่า รัฐบาลและกระทรวงแรงงานให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของแรงงานเป็นลำดับแรก เพราะหากแรงงานปลอดภัย เศรษฐกิจก็จะเดินหน้าอย่างมั่นคง โดยเฉพาะในสถานประกอบการกลุ่มเสี่ยง เช่น โครงการก่อสร้าง โครงสร้างพื้นฐาน และโรงงานที่ใช้เครื่องจักรหนัก ซึ่งจำเป็นต้องมีมาตรฐานความปลอดภัยที่เข้มงวด ทั้งในด้านการตรวจสอบ การออกแบบระบบป้องกัน และการกำกับดูแลให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
 
         กระทรวงแรงงานยังมุ่งพัฒนา องค์ความรู้ด้านความปลอดภัย ทั้งในรูปแบบหลักสูตรอบรม สื่อคู่มือหลายภาษา และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อให้แรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวสามารถเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็น และนำไปปฏิบัติได้จริงในสถานที่ทำงาน
 
         นาย พิพัฒน์ กล่าวต่อว่า วันนี้ เราไม่ได้ทำงานแค่ในกระทรวงแรงงาน แต่ต้องทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งสมาคมวิศวกร ภาคธุรกิจ และแรงงานทุกเชื้อชาติ เพื่อร่วมกันสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยอย่างยั่งยืน พร้อมตั้งเป้าลดอัตราการประสบอันตรายจากการทำงานกรณีร้ายแรงให้เหลือไม่เกิน 1 ต่อ 1,000 คน และ ลดการเสียชีวิตให้ต่ำกว่า 3 ต่อ 100,000 คน ภายในปี 2573 ซึ่งเป็นเป้าหมายตามแผนพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs)
 
         ด้านเรือเอก สาโรจน์ คมคาย อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า การสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย ต้องอาศัยการบูรณาการจาก 4 คณะกรรมการหลัก ได้แก่: 1.คณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน วางนโยบาย และออกมาตรการด้านความปลอดภัยให้ทันสถานการณ์ 2.คณะกรรมการบริหารกองทุนความปลอดภัยฯ​ สนับสนุนเงินกู้เพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงานให้ปลอดภัย 3.คณะกรรมการสถาบันส่งเสริมความปลอดภัยฯ (สสปท.) ส่งเสริมองค์ความรู้ พัฒนาเครื่องมือ และจัดทำหลักสูตรเฉพาะทาง 4.คณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน ดูแลสิทธิประโยชน์ และเงินชดเชยให้ลูกจ้างที่ได้รับอันตราย พร้อมบทบาทในการทำงานบูรณาการตามพันธกิจของหน่วยงาน อย่างกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ตรวจเข้มสถานประกอบการเสี่ยงสูง เช่น โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ บังคับใช้ พ.ร.บ. ความปลอดภัยฯ พ.ศ. 2554 อย่างจริงจัง ร่วมมือกับภาคเอกชนและสมาคมวิศวกร พร้อมพัฒนาหลักสูตรความปลอดภัยในการทำงานและจัดทำคู่มือหลายภาษาให้แรงงานต่างด้าวเข้าถึง
         สำนักงานประกันสังคม (สปส.) จ่ายสิทธิประโยชน์ทันทีเมื่อแรงงานบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการทำงาน เช่น กรณีพระราม 2 จ่ายเงินทดแทน พร้อมค่าทำศพ และเงินสงเคราะห์ พร้อมเดินหน้าประชาสัมพันธ์สิทธิประกันสังคมให้แรงงานเข้าใจทั่วถึง
         สถาบันส่งเสริมความปลอดภัยฯ (สสปท.) พัฒนาหลักสูตรความปลอดภัยเฉพาะทางในอุตสาหกรรมเสี่ยง ส่งเสริมการใช้ AI และ IoT เฝ้าระวังอุบัติเหตุ และผลักดันให้สถานประกอบการมีระบบความปลอดภัยเชิงรุก
 
         ทั้งนี้ภายในงานได้มีการบรรยายพิเศษจากปลัดกระทรวงแรงงาน ในหัวข้อ “การประสานงานและขับเคลื่อนงานความปลอดภัยของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องภายใต้กระทรวงแรงงาน และการอภิปรายแนวทางการขับเคลื่อนภารกิจด้านความปลอดภัยในการทำงานมุ่งสู่วัฒนธรรมความปลอดภัยที่ยั่งยืน อธิบดี กสร. กล่าวปิดท้าย