เมื่อวันที่ 14 มี.ค. นางสาวศุภมาส อิสรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารศูนย์พัฒนาผู้ประกอบการนวัตกรรมและถ่ายทอดเทคโนโลยี อุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา โดยมี ศ.พิเศษ อรรถพล ใหญ่สว่าง นายกสภามหาวิทยาลัยพะเยา รศ.ดร.สุภกร พงศ์บางโพธิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยพะเยา นายรัฐพล นราดิสร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา คณะผู้บริหาร คณาจารย์ นักวิจัย ผู้ประกอบการ และเครือข่ายพันธมิตรภาครัฐและเอกชน เข้าร่วม ณ มณฑลพิธีสถานที่ก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาผู้ประกอบการนวัตกรรมฯ มหาวิทยาลัยพะเยา ตำบลแม่มะกา อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา

   นางสาวศุภมาส กล่าวว่า วันนี้นับเป็นก้าวสำคัญของกระทรวง อว. มหาวิทยาลัยพะเยา และกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ได้แก่ จ.พะเยา จ.เชียงราย จ.แพร่ และ จ.น่าน ในการยกระดับศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อพัฒนาธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ ที่ผ่านมา กระทรวง อว. ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยพะเยาดำเนินงานยกระดับผู้ประกอบการอย่างเข้มแข็งร่วมกับเครือข่ายอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคเหนือ และก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางของการส่งเสริมผู้ประกอบการนวัตกรรม โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยีด้านอาหารอนาคต ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ อาคารศูนย์พัฒนาธุรกิจนวัตกรรมและถ่ายทอดเทคโนโลยีแห่งนี้ จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในการสนับสนุนการวิจัย การพัฒนา และการบ่มเพาะธุรกิจใหม่ ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีเป็นฐาน ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ กระทรวง อว. พร้อมที่จะสนับสนุนและผลักดันให้ศูนย์ฯ แห่งนี้เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานชีวภาพของภาคเหนือ ผ่านการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษา ภาคอุตสาหกรรม และชุมชน เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม
  “ดิฉันเชื่อมั่นว่ามหาวิทยาลัยพะเยาจะสามารถเป็นต้นแบบของการใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ในการเสริมสร้างขีดความสามารถของผู้ประกอบการ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ได้อย่างเข้มแข็ง ขอขอบคุณมหาวิทยาลัยพะเยาและทุกภาคส่วนที่มีส่วนร่วมในการผลักดันโครงการสำคัญนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าศูนย์ฯ แห่งนี้จะเป็นแหล่งบ่มเพาะนวัตกรรมที่สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนให้กับภูมิภาคและประเทศของเรา” รมว.อว. กล่าว
   รศ.ดร.สุภกร พงศบางโพธิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยพะเยา กล่าวว่า มหาวิทยาลัยพะเยามีความมุ่งมั่นตามปณิธานปัญญาเพื่อความเข้มแข็งของชุมชน ภายใต้วิสัยทัศน์มหาวิทยาลัยสร้างปัญญา เพื่อนวัตกรรมชุมชนสู่สากลอย่างยั่งยืน ดังนั้นการที่กระทรวง อว. ได้สนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยพะเยา จึงเป็นโอกาสที่ดีที่มหาวิทยาลัยจะสามารถช่วยส่งเสริมการใช้นวัตกรรมในการพัฒนาเชิงพื้นที่โดยเฉพาะในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ได้มากขึ้น และสามารถเป็นศูนย์กลางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่จะช่วยผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจฐานชีวภาพของกลุ่มจังหวัด โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารอนาคตและอาหารฟังก์ชั่น ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ในภูมิภาค และยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการท้องถิ่น พิธีวางศิลาฤกษ์ในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของประเทศ ณ มหาวิทยาลัยพะเยา ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมในพื้นที่ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน
  การจัดตั้งศูนย์แห่งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 (พะเยา เชียงราย แพร่ น่าน) โดยมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีด้านอาหารอนาคต (Future Food) ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ ศูนย์ฯ แห่งนี้จะทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรม ถ่ายทอดองค์ความรู้ และสนับสนุนผู้ประกอบการให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดระดับประเทศและระดับสากล โดยอาคารศูนย์พัฒนาผู้ประกอบการนวัตกรรมและถ่ายทอดเทคโนโลยี ได้รับการออกแบบให้เป็นพื้นที่บ่มเพาะนวัตกรรม ประกอบด้วย ห้องปฏิบัติการวิจัย ห้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ โรงงานต้นแบบนวัตกรรมอาหาร ห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ทดสอบมาตรฐานและคุณสมบัติของอาหาร Co working space ห้องจัดอบรมสัมมนา พื้นที่ให้คำปรึกษาทางธุรกิจ รวมถึงพื้นที่ที่ให้ภาคเอกชนเข้ามาทำวิจัยและพัฒนาร่วมกับนักวิจัย โดยมีบริการแก่ ผู้ประกอบการ ชุมชน และภาคอุตสาหกรรม เช่นบริการออกแบบนวัตกรรม บริการจัดการทรัพย์สินทางปัญญา บริการบ่มเพาะผู้ประกอบการ บริการให้คำปรึกษาด้านการวิจัยและพัฒนา บริการผลิตต้นแบบผลิตภัณฑ์นวัตกรรม สนับสนุนชุมชนและผู้ประกอบการในการทำวิจัยร่วมกับนักวิจัยเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ พร้อมทั้งเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย ภาคเอกชน และชุมชน รวมถึงความร่วมมือในระดับนานาชาติ