วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2567
ศธ. แจงประเด็นศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างชาติในไทย ไม่เคยปิดกั้นโอกาสทางการศึกษา คาดยกร่างเสร็จสัปดาห์นี้แน่นอน
รมว.ศธ. กล่าวถึงนโยบายในการส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กทุกคนในประเทศไทย ว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มุ่งมั่นดำเนินงานเพื่อสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงการศึกษา โดยให้เด็กทุกคนได้มีโอกาสเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างมีความสุข
วันนี้ (1 พฤศจิกายน 2567) พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวถึงนโยบายในการส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กทุกคนในประเทศไทย ว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มุ่งมั่นดำเนินงานเพื่อสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงการศึกษา โดยให้เด็กทุกคนได้มีโอกาสเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างมีความสุข ตามนโยบาย เรียนดี มีความสุข รวมถึงกลุ่มเด็กที่ไม่มีสัญชาติไทย บุตรหลานแรงงานข้ามชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือเฉพาะด้านด้วย
"กระทรวงศึกษาธิการ ยึดมั่นในหลักการให้การศึกษาที่เท่าเทียมและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพราะเราต้องการเห็นเด็กทุกคนมีโอกาสเรียนรู้อย่างเสมอภาคและเติบโตในสังคมอย่างมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นเด็กต่างชาติในระบบการศึกษาหรือเด็กต่างชาติที่เข้ามาเรียนในศูนย์การเรียนรู้ ตามนโยบายการจัดการศึกษาที่ครอบคลุม การพัฒนาทั้งด้านบุคลิกภาพ ความรู้ และทักษะในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น พร้อมกับประสานหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อให้เด็กต่างชาติได้เข้าถึงการศึกษาโดยสะดวก เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างโอกาสให้เด็กทุกคนเท่าเทียมกัน" รมว.ศธ. กล่าว
ด้านนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ ได้ชี้แจงถึงระบบการจัดการศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างชาติ ว่า ที่ผ่านมา ศธ.ไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ โดยได้ทำหน้าที่ดูแลเด็กให้เข้าถึงสิทธิด้านการศึกษายาวนานกว่าทศวรรษ และได้พยายามนำเด็กเข้าสู่ระบบการศึกษาตามกฎระเบียบอย่างถูกต้อง เป็นการให้ความสำคัญต่อการจัดการศึกษาให้เด็กต่างสัญชาติที่อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินไทยอย่างเท่าเทียม ตามที่มาตรา 12 พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามที่กำหนด ในกฎกระทรวง และอนุสนธิสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก
"ในขณะเดียวกัน เราก็ยังได้แก้ปัญหาเชิงระบบควบคู่กันไปด้วย เช่น สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในฐานะหน่วยงานที่ดูแลการศึกษาในพื้นที่ ได้ออกประกาศขอให้เด็กต่างด้าวทุกสัญชาติในพื้นที่สุราษฎร์ธานี แจ้งความประสงค์เข้ารับการศึกษาในสถานศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน เพื่อประสานสถานศึกษารับนักเรียนเข้าไปเรียน เช่น โรงเรียนตวงวิชช์พัฒนา ก็รับนักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทยเข้าเรียนเป็นที่เรียบร้อย เห็นได้ชัดเจนถึงการตื่นตัวอย่างเร่งด่วนและรวดเร็ว เพื่อให้เด็กได้รับการศึกษาที่ต่อเนื่อง และมีพัฒนาการเป็นไปตามช่วงวัย
นอกจากนี้ สภาการศึกษาก็ได้ยกร่างปรับปรุงแก้ไขกฎกระทรวง ในการรองรับการจัดการศึกษาให้เด็กต่างชาติที่ไม่ใช่ศูนย์การเรียนรู้ตามมาตรา 12 เพื่อจัดการศึกษาสำหรับเด็กที่ไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานแรงงานข้ามชาติในประเทศไทย ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เปิดกว้างการอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัวแก่เด็กกลุ่มนี้ให้เข้าถึงการศึกษาในรูปแบบต่าง ๆ ที่เหมาะสม นับเป็นการให้โอกาสเด็กทุกคนได้เรียนโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังตามนโยบายของ พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการยกร่างเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้” ผช.สิริพงศ์ กล่าว