วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน 2565
ครม. ถอนร่าง พรบ. แรงงานสัมพันธ์ในรัฐวิสาหกิจ พ.ศ..... เพื่อทบทวนและฟังเสียงทุกภาคส่วนให้รอบด้าน หลังสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ จำนวน 35 แห่ง ยื่นขอพิจารณารายละเอียดใหม่
ครม. ถอนร่าง พรบ. แรงงานสัมพันธ์ในรัฐวิสาหกิจ พ.ศ..... เพื่อทบทวนและฟังเสียงทุกภาคส่วนให้รอบด้าน หลังสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ จำนวน 35 แห่ง ยื่นขอพิจารณารายละเอียดใหม่
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 ว่าที่ประชุมครม. มีมติเห็นชอบอนุมัติให้ถอนร่างพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ในรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... ออกจากการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อความรอบคอบและให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ จึงขอนำร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวกลับมาทบทวนและหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องในประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะในประเด็นตามหนังสือคัดค้านร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวที่สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจที่สังกัดสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ จำนวน 35 แห่ง และหัวหน้าศูนย์ประสานงานสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ประจำจังหวัด จำนวน 53 จังหวัด ได้มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2565
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า เพื่อคำนึงถึงผลกระทบของลูกจ้างตามหนังสือคัดค้าน สภาพทางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 และการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศจากวิกฤติโควิด-19 จึงเห็นชอบที่จะทบทวนบทบัญญัติต่างๆ ในร่างพระราชบัญญัตินี้ เพราะโดยที่ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ ครม.มีมติเห็นชอบไปตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน 2563 และต่อมาอีก 2 ปี คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรได้บรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องเร่งด่วนให้เสนอร่างพระราชบัญญัติต่อสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา และต่อมาในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 ลูกจ้างโดยสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ 35 แห่งและศูนย์ประสานงานสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ประจำจังหวัด 53 จังหวัดทำการคัดค้านร่างพระราชบัญญัตินี้โดยอ้างว่ามีหลักการที่ส่งผลกระทบต่อลูกจ้างมากกว่ากฎหมายฉบับปัจจุบัน ขัดต่อหลักการตามรัฐธรรมนูญและหลักการสากล
“รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดกว้างและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากกฎหมาย ดังนั้นเพื่อคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของลูกจ้างจึงจะนำร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวกลับมาทบทวนและหารืออีกครั้ง” น.ส.ทิพานัน กล่าว