วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน 2565
ปลัด มท. เผยฝ่ายความมั่นคง ปราบปรามอย่างไม่ลดละ ขยายผลการจับกุมอย่างต่อเนื่อง กำชับตรวจสถานบริการอย่างเข้มงวด ป้องกันไม่ให้เป็นแหล่งมั่วสุมของยาเสพติด
เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 65 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ในขณะนี้หน่วยงานความมั่นคงทุกฝ่ายเร่งดำเนินการปราบปรามและจับกุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดอย่างเต็มที่ โดยทำการขยายผลการจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทยได้เน้นย้ำให้ทุกพื้นที่เฝ้าระวังสถานที่สุ่มเสี่ยงที่อาจจะเป็นแหล่งมั่วสุมของผู้เสพยาเสพติดได้ อาทิ แหล่งท่องเที่ยวในชุมชน สถานศึกษา สถานประกอบการโรงงาน ให้ทำการ Re X-Ray อย่างจริงจังต่อเนื่อง และที่สำคัญคือ สถานบริการ สถานบันเทิงต่าง ๆ ที่มักจะเป็นข่าวอยู่เนือง ๆ จึงได้กำชับให้ทุกพื้นที่ตรวจตราให้เข้มข้น อย่าปล่อยให้เป็นแหล่งมั่วสุมของยาเสพติดได้ สำหรับวันนี้ มีการรายงานการดำเนินการที่น่าสนใจ ดังนี้
1.จังหวัดบึงกาฬ นายนพดล จอมเพชร ปลัดจังหวัดบึงกาฬ พล.ต.ต.ตรีวิทย์ ศรีประภา ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ นายภิญโญ โฆสิต ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปส. ภาค 4 พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ บำรุงสวัสดิ์ ผกก.สส.ภ.จว.บึงกาฬ พ.ต.อ.จรูญศักดิ์ ลำพุทธา รรท.ผกก.สภ.เมืองบึงกาฬ และหน่วยงานความมั่นคง ร่วมแถลงข่าวการจับกุมยาเสพติด โดยก่อนหน้านี้ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 3 กองกำกับการ 3 กองปราบปราม ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่อำเภอเมืองบึงกาฬ กระทั่งพบรถยนต์ สีขาว ต้องสงสัย จอดที่บริเวณถนนข้างทาง บนถนนหลวงหมายเลข 212 (บึงกาฬ-บ้านโคกก่อง) พื้นที่บ้านท่าอินทร์แปลง ต.โคกก่อง อ.เมืองบึงกาฬ ใกล้กับสะพานลำห้วยโนนสา จึงขอตรวจค้นปรากฏว่ารถยนต์ต้องสงสัยคันดังกล่าว ขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็วเมื่อเข้าตรวจสอบบริเวณรถยนต์ต้องสงสัยขับขี่ออกไป พบกระสอบถุงพลาสติกสีดำพันรอบด้วยเทปกาวใสด้านนอก จำนวน 4 กระสอบ เปิดดูพบว่าเป็นยาบ้าจำนวนมาก ประมาณ 1.6 ล้านเม็ด จึงได้สืบขยายผลจับกุมนายปิยะพงษ์ โจ้หรือลาย (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ซึ่งรับสารภาพว่า ยาบ้าดังกล่าวตนเองเป็นคนติดต่อและได้ว่าจ้างให้เครือข่ายไปรับยาบ้าจากชาวลาว จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา และนำตัวส่ง สภ.เมืองบึงกาฬ ดำเนินคดีตามกฎหมาย สำหรับขบวนการค้ายาเสพติดที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่หลบหนีไปได้จะเร่งดำเนินการขยายผลจับกุมต่อไป
2.จังหวัดชุมพร จากการสนธิกำลังร่วมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2, กก.3 บก.ปส.4, และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ขส. สามารถจับ 4 ผู้ต้องหา คือ 1. นายอินจันทร์ (สงวนนามสกุล) อายุ 63 ปี, 2. นางณิชา (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี ชาวจังหวัดพะเยา 3. นายแวเลาะ (สงวนนามสกุล) อายุ 58 ปี และ 4. นายอาซือมิง (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ชาวจังหวัดนราธิวาส ได้เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 13 พฤศจิกายน ต่อเนื่องถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา บริเวณด่านตรวจยานพาหนะชุมพร ถ.เพชรเกษม ม.2 ต.หงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ต่อเนื่องบ้านหอมกรุ่น รีสอร์ท หมู่ที่ 3 ต.ลำภู ต่อเนื่อง ต.จวบ และ ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส หลังทำการขยายผลการจับกุมจากผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ซึ่งเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดขณะลำเลียงยาเสพติดลงพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ 3 และ 4 ตรวจยึดยาบ้ารวม 300,460 เม็ด, กระสุนปืนจำนวน 12 นัด และรถของกลาง 3 คัน รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ดำเนินการตรวจยึด ทั้งสิ้นประมาณ 6,000,000 บาท และเจ้าหน้าที่จะดำเนินการขยายผลของจับกุมเครือข่ายนี้ต่อไป และ ภายใต้การอำนายการของ นายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ว่าที่ร้อยโท สมชาย เรืองจันทร์ ปลัดจังหวัดชุมพร นำโดย นายฐิติวัชร บุญกิจ นายอำเภอท่าแซะ พร้อมด้วย สมาชิก อส.อ.ท่าแซะที่ 3 ได้จับกุมผู้กระทำความผิดกฎหมายยาเสพติด จำนวน 2 ราย และตรวจยึดยาบ้า รวมของกลางยาบ้า 1,398 เม็ด นำตัวผู้ถูกจับทั้ง 2 ราย และของกลางที่ทำการตรวจยึด ส่ง พนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
3.จังหวัดแพร่ นายธาตรี บุญมาก รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ รักษาราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ นายวาทิต ปัญญาคม ปลัดจังหวัดแพร่ สั่งการให้นายสมศักดิ์ สุขประเสริฐ นายอำเภอเมืองแพร่ มอบหมายให้ฝ่ายปกครองตำบลบ้านถิ่น กำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกับตำรวจ สภ ห้วยม้า ร่วมการจับกุมคดียาเสพติด ต.บ้านถิ่น ต.เหมืองหม้อ จำนวน 3 คน รวมยาบ้า 80 เม็ด โดยกล่าวหาว่า “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย โดยกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า)โดยผิดกฎหมาย จึงได้นำส่ง พนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
4.จังหวัดชลบุรี พล.ต.ต.นันทวุฒิ สุวรรณละออง รอง ผบช.ภ.2 รักษาราชการแทน ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.สหัส ใจเย็น รอง ผบก.สส.ภ.2 พ.ต.อ.กุลชาต กุลชัย ผกก.สภ.เมืองพัทยา และ นายสุรเดช ละเต๊ะซัน ผู้อำนวยการส่วนอำนวยการบังคับใช้กฎหมาย สำนักงาน ปปส.ภาค 2 ได้ระดมกำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษ บูรพา 491 เจ้าหน้าที่ ปปส.ภาค 2 ตำรวจสายตรวจ ชุดสืบสวน และฝ่ายปกครอง กว่า 50 นาย ปล่อยแถวกวดขันจับกุมสถานบันเทิงทำผิดกฎหมาย และตั้งด่านป้องกันเหตุอาชญากรรมในทุกรูปแบบ สำหรับปฏิบัติการครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ได้กระจายกำลังแบ่งกันตั้งด่านด้วยกัน 3 จุด ประกอบด้วย ถนนพัทยาเหนือ พัทยากลาง และพัทยาใต้ เพื่อตรวจค้นสิ่งของผิดกฎหมาย ขณะที่กำลังอีกชุดได้แยกออกตรวจสอบสถานบันเทิงหลายแห่งในพื้นที่เมืองพัทยา ทั้งนี้ พบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ให้ความร่วมมือปิดตรงเวลาที่กฎหมายกำหนด ตามที่ได้ประชุมมอบนโยบายไป ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้บุกจู่โจม เข้าตรวจค้นร้านคลับแพนด้า ถนนวอล์กกิ้งสตรีท พัทยาใต้ แหล่งมั่วสุมต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มคนจีน ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญ จากการตรวจสอบนักเที่ยวชาวไทยและจีน กว่า 200 คน พบสารเสพติดในร่างกายจำนวน 4 คน เป็นคนไทย 3 คน และต่างชาติ 1 คน ขณะที่ร้านนิวซีซั่น 88 ถนนพัทยาสายสาม ตั้งอยู่นอกโซนนิ่ง พบว่าเปิดให้บริการเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด ตำรวจจึงควบคุมตัว 2 ผู้ดูแลร้าน ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
"นอกจากมาตรการด้านการจับกุมปราบปรามแล้ว สิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไป ก็คือ การป้องกัน และบำบัดรักษา ที่มีความสำคัญในการตัดวงจรยาเสพติดให้หมดสิ้นไปเช่นเดียวกับการจับกุมปราบปราม ตนจึงขอความร่วมมือให้พี่น้องประชาชน ร่วมเป็นกำลังใจ ร่วมสร้างพลังชุมชนในการต้อนรับผู้ที่หลงผิด กลับคืนสู่สังคม กลับสู่อ้อมอกของครอบครัว ช่วยกันให้กำลังใจผู้ที่ผ่านการบำบัด ประคับประคองให้สามารถอยู่ร่วมในสังคมได้ และไม่หวนกลับไปหายาเสพติดอีก และหากพบเบาะแสการกระทำความผิด หรือต้องการความช่วยเหลือในการนำผู้ป่วยยาเสพติดเข้าบำบัดรักษา หรือพบเห็นการกระทำผิดกฎหมายอื่น ๆ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือ สายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 ได้ตลอดเวลา" นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวทิ้งท้าย
ข่าวทำเนียบรัฐบาล
- การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35
ข่าวกระทรวง
วีดิทัศน์รายการ/คลังภาพ
วาระงาน