ดาโตะ ซรี อิซมาอิล ซาบรี ยาคบ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชนทุกท่าน
ในนามรัฐบาลไทย ผมรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับท่านนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อแนะนำตัวในโอกาสที่ท่านเข้ารับตำแหน่ง ตามธรรมเนียมปฏิบัติของผู้นำอาเซียน โดยท่านเป็นผู้นำรัฐบาลต่างประเทศคนแรกที่มาเยือนไทย หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งสะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยกับมาเลเซียในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด อีกทั้งการเดินทางมาเยือนของท่านก็เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่ทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 เพื่อเดินหน้าไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนของทั้งสองประเทศร่วมกัน
ผมชื่นชมและประทับใจในความเป็นผู้นำและความมุ่งมั่นของท่านนายกรัฐมนตรีในการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า ท่ามกลางความท้าทายทั้งจากสถานการณ์โควิด-19 และสถานการณ์ในภูมิภาค ท่านมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและคำนึงถึงประชาชนในชาติอย่างแท้จริง โดยเฉพาะแนวคิด “เกอ-ลัว-กา มาเลเซีย” หรือ Malaysia Family ที่ขับเคลื่อนประเทศไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง โดยก้าวข้ามความแตกต่างทางเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม และส่งเสริมความเป็นเอกภาพและสามัคคี ซึ่งผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ผมจึงขอยืนยันความตั้งใจที่จะร่วมแรงร่วมใจกับท่านในการเสริมสร้างความมั่นคงและมั่งคั่งแก่ประชาชนทั้งสองประเทศบนพื้นฐานของความไว้เนื้อเชื่อใจ ในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดดั่ง “ครอบครัวเดียวกัน”
เมื่อสักครู่นี้ ท่านนายกรัฐมนตรีอิซมาอิล และผม ได้หารือข้อราชการเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ท่ามกลางความท้าทายด้านภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจ และภัยคุกคามด้านความมั่นคงรูปแบบใหม่ โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการเร่งฟื้นฟูประเทศจากผลกระทบของโรคโควิด-19 และพัฒนาประเทศให้สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ในการนี้ เราเห็นพ้องกันถึงความจำเป็นที่ทั้งสองประเทศจะต้องผสานความร่วมมือเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมโยงในทุกมิติ ควบคู่กับการกระตุ้นเศรษฐกิจและแสวงหาความร่วมมือในสาขาใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์กับประชาชนทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะในเรื่องการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายแดนไทยและมาเลเซีย
ผมขอกล่าวถึงประเด็นสำคัญที่ได้มีการหารือกัน ดังนี้ครับ
ประการแรก คือ การฟื้นฟูความเชื่อมโยงในทุกมิติ
ท่านนายกรัฐมนตรีอิซมาอิล และผม มีเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะสนับสนุนให้มีการเดินทางไปมาหาสู่กันระหว่างประชาชนในสองประเทศมากขึ้นเมื่อสถานการณ์เอื้ออำนวย โดยเราหวังว่า อีกไม่นาน ประชาชนที่ฉีดวัคซีนครบแล้วจะสามารถเดินทางไปมาระหว่างไทยกับมาเลเซียได้มากขึ้น โดยไม่ต้องกักกันโรค ภายใต้การปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขของแต่ละฝ่าย ตามความเหมาะสมของสถานการณ์ ซึ่งมาเลเซียเรียกช่องทางดังกล่าวว่า Vaccinated Travel Lane หรือการเปิดช่องทางการเดินทางให้ผู้ฉีดวัคซีนครบแล้ว ขณะที่ฝ่ายไทยได้เปิดให้ผู้ที่เดินทางจากมาเลเซียที่ฉีดวัคซีนครบ เดินทางเข้าไทยทางอากาศโดยไม่ต้องกักกันโรคแล้วด้วยระบบ Test and Go และขณะนี้ไทยอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมเปิดการเดินทางผ่านด่านพรมแดนทางบกเพิ่มเติม จึงหวังว่าฝ่ายมาเลเซียจะอนุญาตให้ผู้ที่เดินทางจากไทยที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ฝ่ายมาเลเซียกำหนด สามารถเข้ามาเลเซียได้ทั้งทางอากาศและทางบก เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย โดยผมและท่านนายกรัฐมนตรีอิซมาอิลเห็นพ้องกัน ให้จัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อเร่งหารือรายละเอียดให้สามารถเปิดพรมแดนระหว่างกันได้โดยเร็ว ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ภาคธุรกิจและประชาชนของทั้งสองประเทศที่เป็นดั่งครอบครัวที่ใกล้ชิด เดินทางไปมาหาสู่กันได้อย่างสะดวกดังเดิม
นอกจากนี้ ท่านนายกรัฐมนตรีมาเลเซียและผม ได้ย้ำความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกันผลักดันโครงการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานบริเวณชายแดนไทย - มาเลเซีย ที่คั่งค้างให้มีความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นการสร้างถนนเชื่อมต่อด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮิตัม และการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลกทั้งสองแห่ง ซึ่งจะเป็นผลประโยชน์ร่วมของทั้งสองประเทศในการส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างกัน
ประการที่สอง คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจและแสวงหาความร่วมมือสาขาใหม่ ๆ
ท่านนายกรัฐมนตรีอิซมาอิล และผม ต่างให้ความสำคัญกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งสองประเทศเป็นลำดับต้น โดยไทยและมาเลเซียได้ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อลดผลกระทบของโรคโควิด-19 ต่อการดำรงชีวิตของประชาชน ซึ่งจากความร่วมมือดังกล่าว ส่งผลให้ในช่วงที่ผ่านมา การขนส่งสินค้าผ่านจุดผ่านแดนถาวรไทย - มาเลเซียทั้ง 9 แห่ง สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง โดยปริมาณการค้าชายแดนและผ่านแดนมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าเมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย มูลค่าการค้าระหว่างกันน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก ดังนั้น เราจึงเห็นพ้องกันที่จะคงเป้าหมายมูลค่าการค้าระหว่างกันที่ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยขยายระยะเวลาการบรรลุเป้าหมายเป็นภายในปี 2568 และได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือกันเพื่อจัดประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย - มาเลเซีย ครั้งที่ 3 ในโอกาสแรก เพื่อจะได้หารือถึงแนวทางการขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว
ขณะเดียวกัน ท่านนายกรัฐมนตรีและผม ยังเห็นตรงกันว่าทั้งสองประเทศจะต้องแสวงหาแนวทางส่งเสริมความร่วมมือด้านใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้เศรษฐกิจเดินหน้าได้อย่างยั่งยืน เช่น ความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและการขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG ซึ่งอาจใช้เป็นตัวอย่างในการส่งเสริมความร่วมมือเพื่อการพัฒนากับประเทศในอาเซียนได้ต่อไป
ประการที่สาม คือ การพัฒนาพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้และความมั่นคงชายแดน
ผมได้หารือกับท่านนายกรัฐมนตรีอิซมาอิล เกี่ยวกับแนวทางส่งเสริมความร่วมมือเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ของไทยและภาคเหนือของมาเลเซีย พร้อมทั้งเชิญชวนให้ฝ่ายมาเลเซียมาร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาเศรษฐกิจในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมยางพาราและฮาลาล และใช้โอกาสนี้ชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งฝ่ายมาเลเซียยืนยันการสนับสนุนท่าทีของไทยในการแสวงหาทางออกด้วยสันติวิธี และสนับสนุนการขับเคลื่อนการพูดคุยเพื่อสันติสุขให้มีความคืบหน้า โดยมีมาเลเซียทำหน้าที่ผู้อำนวยความสะดวก พร้อมทั้งยืนยันที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ในการเสริมสร้างความมั่นคงชายแดน การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและข้ามแดน คู่ขนานกับการร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนทั้งสองประเทศ
ประการสุดท้าย คือ การรื้อฟื้นกลไกหารือทวิภาคี
การพบหารือระหว่างผมกับท่านนายกรัฐมนตรีมาเลเซียในวันนี้ จะปูทางไปสู่การแลกเปลี่ยนการเยือนและการประชุมหารือในรายละเอียดภายใต้กลไกและกรอบความร่วมมือต่าง ๆ ที่ไทยและมาเลเซียมีร่วมกัน หลังจากได้ว่างเว้นการประชุมมาระยะหนึ่ง เพื่อจะร่วมกันผลักดันความร่วมมือทวิภาคีไทย – มาเลเซียในด้านต่าง ๆ ให้มีความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรม โดยฝ่ายไทยพร้อมจะเป็นเจ้าภาพการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย - มาเลเซีย ครั้งที่ 14 ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ และหวังว่าจะมีการประชุมหารือในกรอบอื่น ๆ ระหว่างกันอย่างต่อเนื่องต่อไป ทั้งในด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม รวมถึงการหารือระดับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ ของทั้งสองประเทศอย่างต่อเนื่องต่อไปด้วย
นอกจากนี้ ผมกับท่านนายกรัฐมนตรีมาเลเซียยังได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับประเด็นภูมิภาคและระหว่างประเทศที่สนใจร่วมกัน โดยเฉพาะการส่งเสริมบทบาทที่สร้างสรรค์ของอาเซียนในประเด็นสถานการณ์ในเมียนมา รวมทั้งเน้นย้ำถึงการรักษาความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของอาเซียนท่ามกลางบริบทระหว่างประเทศที่มีทั้งโอกาสและความท้าทายเพื่อรักษาดุลยภาพทางยุทธศาสตร์ในภูมิภาค โดยผมและท่านนายกรัฐมนตรียืนยันที่จะร่วมมือกันในกรอบความร่วมมือต่าง ๆ โดยเฉพาะอาเซียนและเอเปค ซึ่งผมขอขอบคุณมาเลเซียที่ได้สนับสนุนการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทยในปีนี้ด้วย และหวังว่าจะได้ต้อนรับท่านนายกรัฐมนตรีอิซมาอิลอีกครั้งในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคที่กรุงเทพมหานคร
การเยือนครั้งนี้แม้จะเป็นการพบปะกันโดยตรงเป็นครั้งแรกระหว่างผมกับท่านนายกรัฐมนตรีอิซมาอิล แต่ก็ได้หารือกันในประเด็นสำคัญอย่างรอบด้าน ผมขอยืนยันเจตนารมณ์ของไทยที่จะทำงานร่วมกับท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลมาเลเซียในทุกระดับและทุกมิติ โดยมีประโยชน์สุขของ “ครอบครัวชาวไทยและมาเลเซีย” เป็นหมุดหมายสำคัญ พร้อมกันนี้ ผมขอถือโอกาสส่งความปรารถนาดีไปยังประชาชนชาวมาเลเซียทุกคนด้วย
ขอบคุณครับ
********************************