วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน 2564
กรมการข้าว เผยรับรองมาตรฐาน Organic Thailand ถึงปี 2563 ให้เกษตรกร 45,112 ราย และจ่ายเงินอุดหนุนแล้ว ส่วนการตรวจประเมินปีการผลิต 63 จะได้รับการจัดสรรงบในปี 65 ด้าน ธ.ก.ส. ยืนยันสินเชื่อโครงการนวัตกรรมเครื่องจักร เป็นการช่วยเหลือเกษตรกร
วันที่ 27 พฤศจิกายน 2564 นายชาตรี บุญนาค ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการข้าว กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ กระทรวงเกษตรละสหกรณ์ ได้ให้การรับรองมาตรฐาน Organic Thailand ไปแล้วถึงปี 2563 จำนวน 3,144 กลุ่ม เกษตรกร 45,112 ราย พื้นที่ 466,456 ไร่ จ่ายเงินอุดหนุนไปแล้วจำนวน 7,418 ล้านบาท สำหรับเกษตรกรที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน โดยได้จ่ายงวดสุดท้ายไปแล้วเมื่อเดือนกันยายน 2564 จำนวน 917 ล้านบาท ซึ่งเกษตรกรได้รับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนั้นกรมการข้าวได้พิจารณาและอนุมัติบัญชีรายชื่อเกษตรกรที่ผ่านการตรวจประเมินระบบการผลิตข้าวอินทรีย์ปีการผลิต 2563 จำนวน 52 จังหวัด 3,876 กลุ่ม 79,807 ราย 655,874 ไร่ วงเงินอุดหนุน 2,237,991,500 บาท กรมการข้าวได้รับงบจัดสรรงบประมาณปี 2565 เพื่อจ่ายเงินอุดหนุน 450 ล้านบาทแบ่งเป็น 2 งวด โดยงวดที่ 1 กรมการข้าวได้ร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จ่ายเงินอุดหนุนไปแล้วจำนวน 167,619,250 บาท จำนวน 6,626 ราย (อัปเดตเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2564) เกษตรกรสามารถรับเงินอุดหนุนได้ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ใกล้บ้านท่าน ทั้งหมด 34 จังหวัดได้แก่จังหวัดเชียงใหม่ พะเยา นครสวรรค์ ลำปาง แพร่ น่าน ลำพูน พิษณุโลก สุโขทัย อุทัยธานี ลพบุรี นครนายก ชัยนาท ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี จันทบุรี ตราด เพชรบุรี สุพรรณบุรีกาญจนบุรี นครราชสีมา สกลนคร หนองคาย หนองบัวลำภู บึงกาฬ เลย สระแก้ว นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ตรัง สตูล และจังหวัดนราธิวาส สำหรับงวดที่ 2 จำนวนเงิน 280 ล้านบาท กรมการข้าวได้ดำเนินการขอเงินงวดไปยังสำนักงบประมาณ เมื่อได้รับงบประมาณมาแล้ว กรมการข้าวจะเร่งรัดเพื่อเบิกจ่ายให้ 7 จังหวัดได้แก่ จังหวัดอุดรธานี บุรีรัมย์ นครพนม เชียงราย เพชรบูรณ์ ตาก และจังหวัดพิจิตร สำหรับงบประมาณที่เหลือยังไม่ได้รับการจัดสรรอีกจำนวน 1,787 ล้านบาท กรมการข้าวจะได้ดำเนินการเสนอคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติเพื่อขอใช้งบกลางเพื่อจ่ายอุดหนุนเกษตรกรที่เหลือตามโครงการในจังหวัดที่เหลืออีก 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดมุกดาหาร ชัยภูมิ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ยโสธร สุรินทร์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด และจังหวัดอำนาจเจริญ ต่อไป
นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่า สินเชื่อโครงการนวัตกรรมเครื่องจักร วัตถุประสงค์เพื่อนำมาทดแทนและแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคเกษตร ซึ่งเป็นความต้องการของเกษตรกร โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนให้กลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตรเป็นผู้จัดซื้อเครื่องจักรกลและนำไปบริการแก่สมาชิกเพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิตและสหกรณ์สามารถดำเนินธุรกิจด้านการบริการ ซึ่งคิดอัตราดอกเบี้ย (MRR-1) ปัจจุบัน MRR อยู่ที่ 6.875 -1 เท่ากับ 5.875 ต่อปี ส่วนโครงการพักชำระหนี้ เป็นการช่วยเหลือบรรเทาภาระทางการเงินไม่ให้เกษตรกรต้องรับภาระหนักในช่วงที่ไม่มีรายได้ ทั้งนี้ การพักชำระหนี้ไม่ใช่การยกหนี้ โดยหนี้ในส่วนของเกษตรกรยังคงอยู่ เพียงแต่ยังไม่ต้องจ่ายช่วงเวลานั้น ซึ่ง ธ.ก.ส.กำหนดเงื่อนไขส่งเพียงแต่ดอกเบี้ย ซึ่งเป็นข้อกำหนดในการบริหารจัดการทางการเงิน
ส่วนโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 ในรอบการเก็บเกี่ยวที่ 1-2 ธ.ก.ส. ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จ่ายเงินตามโครงการดังกล่าว เข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง โดยในช่วงวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้ดำเนินการจ่ายเงินตาม ไปแล้วในวงเงินรวม 13,225 ล้านบาท มีเกษตรกรได้รับประโยชน์จำนวน 530,842 ครัวเรือน ทั้งนี้ ในรอบการเก็บเกี่ยวต่อไป อยู่ระหว่างรอความเห็นชอบกรอบงบประมาณตามที่กระทรวงพาณิชย์นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ซึ่งหากครม.เห็นชอบ ธ.ก.ส.ก็พร้อมจะดำเนินการโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรทันที
ตลอดระยะเวลาการดำเนินงานกว่า 55 ปี ธ.ก.ส.มุ่งดูแลพี่น้องเกษตรกรและผู้ประกอบการภาคเกษตรอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร และพร้อมเป็นกลไกของรัฐบาลในการช่วยเหลือผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น ปัญหาภัยธรรมชาติต่าง ๆ ปัญหาวิกฤต COVID-19 เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรก้าวข้ามวิกฤตต่าง ๆ ได้อย่างเข้มแข็ง
ข่าวทำเนียบรัฐบาล
- การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35
ข่าวกระทรวง
วีดิทัศน์รายการ/คลังภาพ
วาระงาน