วันจันทร์ที่ 5 เมษายน 2564
ไทย-ตุรกี พร้อมผลักดันความตกลงการค้าเสรีระหว่างกันให้สำเร็จ
วันนี้ (วันที่ 5 เมษายน 2564) เวลา 13.30 น. ณ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นางเอฟเรน ดาเดเลน อักกุน (H.E. Ms. Evren Dağdelen Akgün) เอกอัคราชทูตสาธารณรัฐตุรกีประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในโอกาสพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ สรุปสาระสำคัญการหารือ ดังนี้
รองนายกรัฐมนตรีชื่นชมการทำงานอย่างแข็งขันของเอกอัครราชทูตฯ ในการส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-ตุรกีตลอดระยะเวลาประจำการ และขอบคุณที่มีบทบาทสำคัญในการดำเนินกิจกรรมระหว่างไทย-ตุรกี จนส่งผลให้ความสัมพันธ์ไทย-ตุรกี ที่ดำเนินมาครบรอบกว่าหกทศวรรษ มีพลวัตเพิ่มมากขึ้นอย่างเด่นชัดในช่วงประจำการของเอกอัครราชทูตฯ ตลอดจนเอกอัครราชทูตฯ ยังสนใจการเข้าร่วมงานมหกรรมผ้าไหมไทยสู่เส้นทางโลก(Thai Silk Road To The World) อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่า นับจากนี้ไทยจะมีเอกอัครราชทูตฯ เป็น “Friend of Thailand” เพิ่มขึ้นอีกคนในตุรกี และขออวยพรให้ประสบความสำเร็จในภารกิจที่ได้รับมอบหมายต่อไปในอนาคต
เอกอัครราชทูตฯ ขอบคุณท่านรองนายกรัฐมนตรี รัฐบาลไทย และกระทรวงการต่างประเทศ ที่ให้ความช่วยเหลือและความร่วมมืออย่างเต็มที่ตลอดระยะเวลาการประจำการที่ผ่านมา ประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่ท่านเข้ามาดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต จึงเปรียบเสมือนเป็นรักแรก ชื่นชมความงดงาม และมิตรไมตรีที่ได้รับจากประเทศไทย ตลอดจนชื่นชมความสัมพันธ์ทวิภาคีไทย-ตุรกี ที่มีความแน่นแฟ้น ทั้งนี้ ตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่งจึงทำให้ได้เห็นชัดเจนว่ายังมีประเด็น และมิติต่างๆ ที่มีศักยภาพ สามารถส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทย-ตุรกีได้ ทั้งนี้ ตุรกีหวังที่จะขยายความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ ในทวีปเอเชียและอาเซียน ในรูปแบบหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์
ด้านเศรษฐกิจ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความตกลงการค้าเสรีไทย-ตุรกี (FTA) ที่มีความคืบหน้าเป็นอย่างมากในช่วงเวลาการดำรงตำแหน่งของเอกอัคราชทูตฯ จึงหวังว่าผู้ที่ดำรงเอกอัครราชทูตฯ คนต่อไปจะสานต่อและขับเคลื่อนความตกลงฯ ให้สำเร็จ ซึ่งเอกอัครราชทูตฯ กล่าวว่าทั้งไทยและตุรกีต่างเห็นความสำคัญในการผลักดันความตกลงการค้า FTA ไทย-ตุรกี โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่ายมีความประสงค์ที่จะผลักดันให้เห็นความสำเร็จของความตกลงนี้ ซึ่งจะเป็นโอกาสในการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน ช่วยเปิดประตูให้นักธุรกิจของทั้งสองประเทศเห็นถึงศักยภาพของกันและกันและเพิ่มมูลค่าการค้าไทย-ตุรกีให้บรรลุเป้าหมาย 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในโอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีขอบคุณภาคเอกชนตุรกีที่ลงทุนในประเทศไทยและหวังว่าจะเห็นการลงทุนที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพสูง ซึ่งเอกอัครราชทูตฯ ให้ความมั่นใจว่าจะสนับสนุนการลงทุนใน EEC ต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในด้านการเกษตรแบบอัจฉริยะ (Smart Agriculture) และความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) ซึ่งในขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยก็พร้อมสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยไปลงทุนในตรุกีในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ
เอกอัครราชทูตฯ ชื่นชมประเทศไทยที่สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้สำเร็จอย่างเป็นระเบียบแบบแผน และพร้อมที่จะเรียนรู้แนวทางการดำเนินงานของไทย ซึ่งเมื่อสถานการณ์ของทั่วโลกดีขึ้น ทั้งสองประเทศพร้อมที่จะผลักดันความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวต่อกัน ซึ่งเอกอัครราชทูตฯ เสนอว่าตุรกีมีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายและน่าสนใจ โดยรองนายกรัฐมนตรีชื่นชมความสวยงามของประเทศตุรกีและเป็นสถานที่ที่ชาวไทยนิยมเดินทางไปท่องเที่ยว รองนายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณตุรกีที่ให้ทุนการศึกษานักเรียนไทยอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นที่น่ายินดีว่ากรมความร่วมมือระหว่างประเทศของไทย (TICA) และของตุรกี (TIKA) ได้มีการติดต่อกัน และเริ่มมีโครงการแลกเปลี่ยนนักเรียนนักศึกษาระหว่างกันแล้ว
ทั้งนี้ ในช่วงท้าย รองนายกรัฐมนตรีกล่าวอำลาเอกอัครราชทูตฯ โดยกล่าวย้ำว่าเอกอัครราชทูตฯ เป็นมิตรของประเทศไทย และเป็นมิตรของรองนายกรัฐมนตรีเช่นกัน
ข่าวทำเนียบรัฐบาล
- การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35
ข่าวกระทรวง
วีดิทัศน์รายการ/คลังภาพ
วาระงาน