1 ธันวาคม พ.ศ. 2563 นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงข้อสงสัย รัฐบาลแอบเปิดประเทศว่า จากประกาศการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ที่ห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น ได้มีการยกเว้นให้อากาศยานบางประเภททำการบินเข้าประเทศไทยได้ อาทิ เที่ยวบินรับส่งบุคคลกลับประเทศไทยหรือกลับภูมิลำเนา (repatriation flight) หรือเที่ยวบินขนส่งสินค้า (cargo flight) ไม่ได้เป็นการปิดน่านฟ้าหรือปิดประเทศโดยสิ้นเชิงแต่อย่างใด และได้มีการยกเลิกประกาศดังกล่าวแล้วตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม 2563 ทั้งนี้ ตั้งแต่ในช่วงที่มีการห้ามอากาศยาน กระทรวงฯ ได้อาศัยช่องทางอากาศยานที่ได้รับการยกเว้นในการให้ความช่วยเหลือพี่น้องคนไทยที่ตกค้างในต่างประเทศเดินทางกลับไทย รวมถึงคนต่างชาติที่ตกค้างในประเทศไทยกลับภูมิลำเนา และต่อมา ก็มีมาตรการผ่อนคลายให้ชาวต่างชาติกลุ่มต่าง ๆ ที่มีความจำเป็นเดินทางเข้าประเทศไทยในจำนวนจำกัดมาเป็นลำดับ
กระทรวงการต่างประเทศ เป็นหน่วยงานที่พิจารณาคำขอของชาวต่างชาติที่เข้าเงื่อนไขในกลุ่มต่าง ๆ เพื่อออกหนังสือรับรองเพื่อเดินทางเข้าราชอาณาจักร (Certificate of Entry – COE) และตรวจลงตราให้แก่ชาวต่างชาติก่อนเดินทางเข้าไทย โดยชาวต่างชาติต้องมีเอกสารที่เกี่ยวข้องในการขอรับการตรวจลงตราประเภทนั้น ๆ และหลักฐานการจอง Alternative State Quarantine (ASQ) มาแสดง รวมถึงก่อนเดินทางต้องแสดงเอกสารใบรับรองแพทย์ fit to fly/travel และ Covid-free ที่มีอายุไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางด้วย โดยชาวต่างชาติทุกคนที่เดินทางเข้าไทยต้องเข้ารับการกักกันตามระยะเวลาและในสถานที่ที่หน่วยงานภาครัฐกำหนดหรือเห็นชอบ กระทรวงการต่างประเทศได้มีเครื่องมือเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่กลุ่มบุคคลเหล่านี้ อาทิ (1) การบริหารจัดการเที่ยวบินในลักษณะกึ่งพาณิชย์ (semi-commercial flight) ที่จัดทำแนวทางร่วมกับ กพท. ให้สายการบินพาณิชย์สามารถให้บริการเที่ยวบินแบบกึ่งพาณิชย์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้เดินทางเข้าไทย (2) ทางการอนุญาตให้มีการตรวจลงตรา (วีซ่า) ประเภทต่าง ๆ เช่น รหัส TR และ STV สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยว รหัส Non-Immigration B สำหรับกลุ่มนักธุรกิจและการทำงาน รหัส O-A และ O-X สำหรับกลุ่มที่เดินทางเข้ามาเพื่อใช้ชีวิตในบั้นปลาย เป็นต้น ซึ่งมีชาวต่างชาติให้ความสนใจขอรับการตรวจลงตราเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ และ (3) กระทรวงฯ ได้ผลักดันให้มีการเพิ่มจำนวน ASQ เพื่อรองรับผู้เดินทางเข้าประเทศที่แนวโน้มจะมีจำนวนมากขึ้น โดยในขณะนี้มี ASQ แล้ว 113แห่ง สามารถรองรับผู้เดินทางเข้าได้ถึงประมาณ 15,000 คน
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการการเดินทางเข้าประเทศไทยสำหรับคนไทยและชาวต่างชาติผ่านสื่อมวลชนมาโดยตลอด รวมถึงการประชาสัมพันธ์เพื่ออำนวยความสะดวกคนไทยและชาวต่างชาติที่ประสงค์จะเดินทางเข้าประเทศไทยโดยสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ของไทยในต่างประเทศก็เป็นข้อมูลเปิดต่อสาธารณะ โดยครั้งล่าสุดอธิบดีกรมสารนิเทศ/โฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้แถลงข่าวเรื่องนี้ต่อสื่อมวลชนและถ่ายทอดสดผ่าน Facebook Live ของกระทรวงการต่างประเทศเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 ซึ่งได้มีการออกข่าวสารนิเทศ ระบุจำนวนชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในแต่ละกลุ่ม นอกจากนี้ ในการประชุม ศบค. ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานทุกครั้ง ก็ได้มีการประชาสัมพันธ์ผลการประชุมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับมาตรการการผ่อนคลายการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ให้สาธารณชนทั้งไทยและต่างชาติ ทราบในวงกว้างแล้วด้วย
ขณะเดียวกัน นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค ยืนยันว่า หลังจากรัฐบาลมีนโยบายเปิดรับคนไทยกลับประเทศ ทำให้มีคนไทยทยอยเดินทางกลับเข้าประเทศ โดยทุกคนต้องเข้ารับการกักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ และสถานที่รัฐกำหนด เพื่อควบคุม เฝ้าระวังการแพร่ระบาด เป็นเวลา 14 วัน เมื่อพบว่าป่วย สามารถส่งต่อเข้าระบบการรักษาได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีการแพร่ระบาดแต่อย่างใด ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน ถึง 1 ธันวาคม 2563 มีผู้เดินทางเข้าประเทศรวม 163,735 คน ทุกคนเข้ารับการกักตัวที่รัฐระบุไว้ ในจำนวนนี้ตรวจพบเชื้อโควิด 19 จำนวน 1,044 รายคิดเป็นร้อยละ 0.64 ของผู้เดินทางทั้งหมด ในจำนวนผู้ติดเชื้อเป็นคนไทย 826 ราย ต่างชาติ 218 ราย กลับบ้านแล้ว 910 ราย มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ปัจจุบัน มีผู้เดินทางเข้าประเทศเฉลี่ยวันละ 700 - 800 คน เมื่อเทียบกับในอดีตที่ยังไม่มีการระบาดของโควิด 19 มีการเดินทางเข้ามาวันละประมาณ 1 แสนราย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวไม่ได้มีการปิดบังแต่อย่างใด ทาง ศบค ได้แจ้งข้อมูลการคัดกรองผู้เดินทางเข้าออกประเทศ และรายงานในสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทางเว็บไซต์กรมควบคุมโรค อย่างต่อเนื่องทุกวัน
....................................................