วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน 2563
กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชี้แจงการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5
กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชี้แจงการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5
23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ชี้แจงกรณีร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช ประธานคณะอนุกรรมการนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงปัญหาฝุ่น PM 2.5 และแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติเรื่องการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละลองที่ผ่าน ครม. เมื่อ 1 ต.ค.62 ยังไม่มีความคืบหน้าและการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมว่า ทุก ๆ ปีประเทศไทยจะประสบปัญหาฝุ่นละอองมีค่าเกินมาตรฐานในหลายๆ พื้นที่ โดยเฉพาะในช่วงปลายปีต่อต้นปี เนื่องจากซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยได้รับอิทธิผลจากความกดอากาศสูงจากประเทศจีนที่แผ่ลงมาปกคลุมส่งผลให้เกิดสภาพอากาศปิด ลมสงบ และชั้นบรรยากาศผกผัน (inversion) ทำให้ PM2.5 ไม่มีการกระจายตัว เกิดการสะสม ซึ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่ปัจจัยที่เราสามารถควบคุมได้คือแหล่งกำเนิด ซึ่งหลังจากรัฐบาลได้มีแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติฯ เมื่อปีที่ผ่านมา หน่วยงานได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
ในปีนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีการถอดบทเรียนและทบทวนแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” และจัดทำแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง 12 ข้อ ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติในการประชุมครั้งที่ 7/2563 เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2563 และมติคณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 โดยแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” (พ.ศ. 2563) ประกอบด้วย 3 มาตรการ ได้แก่
มาตรการที่ 1 การเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่โดยปรับปรุงแนวทางการกำหนดเกณฑ์ระดับปริมาณ PM2.5 ที่ให้หน่วยงานเพิ่มความเข้มงวดการดำเนินงานที่สามารถให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง/จังหวัด/พื้นที่เสี่ยง สามารถพิจารณากำหนดเกณฑ์ที่เหมาะสมของการดำเนินงานที่สอดคล้องกับสถานการณ์และบริบทของพื้นที่
มาตรการที่ 2 การป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง (แหล่งกำเนิด) เพิ่มเติมมาตรการในการลดและควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิด ได้แก่ ยานพาหนะ อุตสาหกรรม การเผาในที่โล่ง การก่อสร้างและผังเมือง และภาคครัวเรือน
มาตรการที่ 3 การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการมลพิษเป็นการพัฒนาระบบ เครื่องมือ กลไกการบริหารจัดการ การศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ เพิ่มเติมให้มีการพัฒนาเครือข่ายการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศเสริมเพื่อเป็นการเฝ้าระวังในพื้นที่ พัฒนาแบบจำลองการพยากรณ์คุณภาพอากาศความละเอียดสูงและพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศเพื่อประเมินฝุ่นละอองเชิงพื้นที่ จัดทำฐานข้อมูลสนับสนุนการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองจากไฟป่าและการเผาในที่โล่ง พัฒนาระบบเตือนภัย และระบบสนับสนุนการตัดสินใจ รวมถึงการพัฒนาและใช้งานแอปพลิเคชันและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็นต้น
รวมถึงได้มีการเพิ่มกลไกการขับเคลื่อนการดำเนินงาน ได้แก่ คณะอนุกรรมการด้านวิชาการแก้ไขปัญหามลภาวะทางอากาศภายใต้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่อให้ข้อเสนอแนะนโยบายและมาตรการข้อมูลและแนวทางการจัดการตามหลักวิชาการในการแก้ไขปัญหา
นอกจากนี้ได้มีการจัดทำแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง โดยเฉพาะในช่วงเกิดสถานการณ์ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1) การสื่อสารประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย โดยแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โดยมีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน จัดทำแผนประชาสัมพันธ์ ตั้งศูนย์ข้อมูลการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ War room ในช่วงเกิดสถานการณ์ เพื่อบูรณาการและสื่อสารข้อมูล และ แต่งตั้งโฆษกเหตุการณ์ช่วงวิกฤตฝุ่นละออง
2) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละออง ภายใต้คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เพื่อเป็นกลไกหลักในการกำกับดูแลและรับมือสถานการณ์
3) การบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่า
- การเก็บขนและใช้ประโยชน์เศษวัสดุในป่า (กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมป่าไม้ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง) ระหว่างวันที่ 1-30 พฤศจิกายน 2563
- การบริหารจัดการเชื้อเพลิงใน 17 จังหวัดภาคเหนือ ก่อนวันที่ 15 กุมภาพันธ์ หรือวันที่จังหวัดกำหนด
4) สร้างเครือข่าย อาสาสมัคร และจิตอาสา เป็นกลไกหลักเข้าถึงพื้นที่ ทั้งสื่อสาร ติดตาม เฝ้าระวัง และดับไฟ
5) เร่งขับเคลื่อนโครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า ภายใต้ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน โดยกำหนดเป้าหมาย 12 จังหวัดภายในปี 2563 และ ครบ 76 จังหวัด ภายในปี 2570
6) เร่งรัดการเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายโอนภารกิจการควบคุมไฟป่าให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
7) การพยากรณ์ฝุ่นละอองล่วงหน้า 3 วัน เพื่อแจ้งเตือนประชาชน โดยเริ่มใช้วันที่ 15 พฤศจิกายน 2563
8) ประยุกต์ใช้ภาพถ่ายดาวเทียมในการรายงานปริมาณฝุ่นละอองเชิงพื้นที่โดยเริ่มใช้วันที่ 1 ธันวาคม 2563
9) พัฒนาระบบคาดการณ์ และระบบสนับสนุนการตัดสินใจ รวมถึงการพัฒนาและใช้งานแอพพลิเคชันบัญชาการการดับไฟป่า โดยเริ่มใช้วันที่ 1 ธันวาคม 2563
10) บริหารจัดการเชื้อเพลิงโดยใช้แอพพลิเคชันลงทะเบียนจัดการเชื้อเพลิง
11) ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดูแลป่าไม้ และลดการเผาป่า ผ่านการจัดที่ดินทำกิน
12) เจรจาสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งระดับอาเซียน ระดับทวิภาคี และระดับพื้นที่ชายแดน
พร้อมกันนี้ เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2563 ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) ที่จัดตั้งโดยคณะอนุกรรมการสื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ภายใต้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่อเป็นศูนย์ในการบูรณาการประสานงานรวบรวมข้อมูลจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชน ในรูปแบบ One Voice One Team ซึ่งได้มีแถลงข่าวและให้ข่าวทุกวันจันทร์และพฤหัสบดี รวมถึงให้มีการรายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองรายวัน ข้อมูลองค์ความรู้ ซึ่งประชาชนสามารถติดตามได้จาก เฟซบุ๊คแฟนเพจ “ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.)” https://www.facebook.com/airpollution.CAPM