คำกล่าวนายกรัฐมนตรี ในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 27
วันที่ 20 พฤศจิกายน 2563 ผ่านระบบการประชุมทางไกล
ท่านประธาน
ท่านผู้นำเอเปคทุกท่าน
แม้ว่าเป้าหมายโบกอร์จะสิ้นสุดลงในปีนี้ โดยยังมีสิ่งที่เรายังดำเนินการไม่สำเร็จ แต่ก็นับว่าเราได้เดินทางมาไกลพอสมควรและด้วยบริบทของโลกในปัจจุบันที่แตกต่างจากเอเปคเมื่อ 26 ปีก่อน ไม่ว่าจะเป็นช่องว่างทางการค้า การเกิดกระแสปกป้องทางการค้า ด้วยวิธีการด้านภาษีและไม่ใช่ภาษี ตลอดจนความท้าทายต่างๆ ในระบบพหุภาคื เอเปคจึงต้องปรับตัวและปรับกระบวนทัศน์ใหม่บนพื้นฐานของประเด็นการค้าและการลงทุน ซึ่งเป็นหัวใจของเอเปค และเป็นปัจจัยสำคัญต่อการฟื้นตัวของภูมิภาค
ดังนั้น เอเปคต้องมีบทบาทนำในการผลักดันการเปิดเสรีทางการค้าและการลงทุน การรวมตัวทางเศรษฐกิจ
ในภูมิภาค ตลอดจนการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ระบบการค้าพหุภาคี โดยผมมองว่า เอเปคต้องให้ความสำคัญกับ 3 ประเด็นดังต่อไปนี้
ประการแรก ความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อในทุกมิติ โดยเฉพาะในด้านดิจิทัล เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง รูปแบบการดำเนินธุรกิจ โดยต้องเน้นการเตรียมความพร้อมและเพิ่มการเข้าถึงของประชาชนและผู้ประกอบการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง MSMEs เพื่อเปิดโอกาสทางการค้าและการลงทุน รวมถึงการเข้าสู่ห่วงโซ่มูลค่าโลก ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การปรับปรุงกฎระเบียบและการยกระดับขีดความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านดิจิทัลใหม่ๆ ภายใต้สภาพแวดล้อมทางดิจิทัลที่ปลอดภัย
ประการที่สอง การเจริญเติบโตที่ครอบคลุมและยั่งยืน จะกลายเป็น วาระเร่งด่วนและเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของเอเปคอย่างแท้จริงในยุคหลังโควิด-19 โดยทุกภาคส่วนของสังคม ซึ่งรวมถึงสตรี เด็ก ผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้ด้อยโอกาสต่างๆ จะได้รับประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมจากการเปิดเสรีทางการค้าและการลงทุน ตลอดจน
การรวมตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคที่ทั่วถึงและเป็นธรรม ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชน มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีความหวัง มีสุขภาพและสุขภาวะที่ดี บนพื้นฐานของ
การพัฒนาที่มีความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
ประการที่สาม การสร้างระบบเศรษฐกิจและสังคมที่ยืดหยุ่นต่อ disruptions ต่างๆ ผมมองเห็นถึงโอกาสที่แฝงอยู่ วิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นเหมือน wake-up call ว่า ความพยายามทั้งหมดในการสร้างความอยู่ดีกินดีให้ประชาชนของเราอาจสูญหายไปอย่างรวดเร็ว หากสังคมขาดความยืดหยุ่นและไม่สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้ ในการนี้ ไทยยินดีที่จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ ในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 และความพยายามที่จะสร้างเศรษฐกิจใหม่หลังโควิด-19 กับประชาคมระหว่างประเทศเพื่อให้เราสามารถก้าวข้ามวิกฤตินี้ไปด้วยกัน
ผมดีใจที่ได้เห็นทุกสิ่งที่ผมได้กล่าวมานี้ สะท้อนอยู่ในเอกสารวิสัยทัศน์ปุตราจายาของเอเปค ค.ศ.2040 ซึ่งจะเป็นเข็มทิศนำทางการดำเนินงานของเอเปคในอีก 20 ปีข้างหน้าต่อจากเป้าหมายโบกอร์
สุดท้ายนี้ผมขอขอบคุณมาเลเซียที่ผลักดันให้เอเปคสามารถเดินต่อไปอย่างไม่หยุดชะงัก ท่ามกลางอุปสรรคและความท้าทายใหญ่หลวงในปีนี้ โดยผมขอย้ำอีกครั้งว่า ไทยยินดีและพร้อมที่จะร่วมงานกับนิวซีแลนด์และทุกเขตเศรษฐกิจในปีหน้า เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับ การเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทยในปี 2565 โอกาสนี้ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า พวกเราจะสานต่อความร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ เพื่อถ่ายทอด เจตนารมณ์ของเราไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมบนพื้นฐานของจิตวิญญาณของเอเปคที่เรายึดมั่นมาตลอดระยะเวลา 3 ทศวรรษ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันของภูมิภาคต่อไป