๒. กระทู้ถามด้วยวาจา จำนวน ๑ กระทู้ ดังนี้
กระทู้ถามด้วยวาจา ลำดับที่ ๑
เรื่อง การบริหารจัดการที่ดิน ส.ป.ก.
ผู้ตั้งกระทู้ถาม นายวันชัย สอนสิริ สมาชิกวุฒิสภา
ถาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ผู้ตอบ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า)
ผู้ถาม : นายวันชัย สอนสิริ สมาชิกวุฒิสภา ถามกระทู้โดยสรุปดังนี้
ด้วยปัญหาที่ดิน ส.ป.ก. เป็นปัญหาสำคัญที่รัฐบาลพยายามแก้ไขและมีเจตนาจัดสรรให้แก่เกษตรกรผู้ไร้ที่ดินทำกินหรือผู้ยากจน เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ แต่ปัจจุบัน กลับพบว่าที่ดิน ส.ป.ก. บางแห่ง ถูกจัดสรรไปอยู่ในความครอบครองของกลุ่มผู้มีอิทธิพล นายทุนผู้นำท้องถิ่น หรือแม้แต่นักการเมือง โดยมีข้าราชการในอำเภอหรือระดับท้องถิ่นมีส่วนในการดำเนินการจัดสรรที่ดินให้แก่กลุ่มคนเหล่านี้จึงขอเรียนถามว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะมีนโยบายหรือแนวทางที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาการจัดการที่ดิน ส.ป.ก. ดังกล่าวอย่างไร และปัญหาที่เกิดขึ้นจากการเลือกปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ในท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก. ให้แก่ผู้มีอิทธิพลหรือกลุ่มนายทุน จะมีการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่เหล่านั้นหรือไม่ อย่างไร นอกจากนี้ บริบททางสังคมและเศรษฐกิจของประเทศไทยที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้การใช้ที่ดิน ส.ป.ก. มีความไม่สอดคล้องกัน เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพและผลประโยชน์ของประเทศชาติ จะมีนโยบายในการใช้ที่ดินดังกล่าว ซึ่งอาจมีการผสมผสานระหว่างการดำเนินงานของเกษตรกรและการลงทุนของกลุ่มนายทุน โดยยังยึดถือประโยชน์ของเกษตรกรเป็นสำคัญ และเป็นแนวทางที่จะไม่ขัดแย้งกันในด้านกฎหมาย จะสามารถทำได้หรือไม่อย่างไร
ผู้ตอบ : รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า) ได้ตอบชี้แจงรวม ดังนี้
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้ตอบกระทู้ถามชี้แจงว่า บุคคลที่มีสิทธิที่จะได้รับการจัดสรรสิทธิที่ดินทำกินหรือสิทธิที่อยู่อาศัย ตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ นั้น จะต้องมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด และจะได้สิทธิจัดสรรที่ดินไม่เกินกว่า ๕๐ ไร่ รวมถึงต้องบังคับใช้กฎหมายให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าจากข้อมูลและการสำรวจพบว่า มีที่ดิน ส.ป.ก. แปลงใหญ่บางแห่งอยู่ในความครอบครองของกลุ่มผู้มีอิทธิพล นายทุนผู้นำท้องถิ่น และนักการเมืองบางคน สิ่งที่นายกรัฐมนตรี
ได้มอบนโยบายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการ คือ ต้องให้สิทธิกับผู้ที่มีคุณสมบัติตามกฎหมายเท่านั้น ดังนั้น ในช่วงสี่ถึงห้าเดือนที่ผ่านมากระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้ให้นโยบายกับสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ว่าหากมีการตรวจสอบพบที่ดิน ส.ป.ก. แปลงใดอยู่ในความครอบครองของบุคคลที่ไม่ได้มีคุณสมบัติตามกฎหมายให้ทำการยึดคืนเพียงอย่างเดียวและให้ ส.ป.ก. แต่ละจังหวัดจะไปดำเนินการจัดสรรที่ดินที่ได้มาให้แก่เกษตรกรที่มีคุณสมบัติต่อไปซึ่งที่ผ่านมาสามารถยึดคืนที่ดินได้แล้ว ๓๓, ๔๔๓ ไร่ และจัดสรรที่ดิน ในพื้นที่ ๘ จังหวัดจำนวน ๒๐, ๕๔๑ ไร่ ให้เกษตรกร ๑,๖๔๕ รายและกลุ่มสหกรณ์อีก ๑๓ แห่ง โดยจะยังดำเนินการยึดคืนที่ดิน ส.ป.ก. คืนอีกอย่างต่อเนื่อง ส่วนประเด็นเจ้าหน้าที่เลือกปฏิบัติกับเกษตรกรหรือจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก. เอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มพรรคพวกหรือนายทุน รังแกประชาชน หรือไม่ยึดหลักกฎหมาย หากตรวจพบจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนและดำเนินคดีอาญาโดยทันที ส่วนประเด็นการทำประโยชน์ในที่ดิน ส.ป.ก. ให้สอดคล้องกับบริบททางสังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น จะต้องเริ่มแก้ไขตั้งแต่เรื่องแผนที่ี่ที่ใช้กับที่ดินของแต่ละหน่วยงานจะต้องเป็นแผนที่ฉบับเดียวกัน (one map) ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการแก้ไขที่อาจกระทบต่อประชาชนในบางข้อเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากฎหมาย ส.ป.ก. จะมีเจตนารมณ์ในการคุ้มครองที่ดินของรัฐเพื่อประโยชน์ในด้านเกษตรกรรม และคุ้มครองสิทธิในการเข้าถึงที่ดินของเกษตรกรผู้ยากจน แต่เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวถูกตราขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๘ จึงอาจมีหลักเกณฑ์บางประการที่ไม่สอดคล้องกับรูปแบบการทำการเกษตรหรือบริบทในการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ บางแห่งในปัจจุบัน ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการทำประโยชน์ในที่ดินของเกษตรกรผู้ได้รับ การจัดสรรที่ดินจากที่ดิน ส.ป.ก. เสียก่อนเพื่อให้สามารถนำที่ดินดังกล่าวมาใช้ได้อย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งหากแก้ไขปัญหาเรื่องแผนที่และการปรับปรุงกฎหมายได้ ก็จะเป็นแนวทางที่สามารถลดผลกระทบที่เกิดจากจากการบริหารจัดการที่ดิน ส.ป.ก. ได้อย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
(โปรดตรวจสอบการถาม-ตอบ กระทู้ถามที่เป็นทางการ จากสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาอีกครั้ง)