๑. กระทู้ถามเป็นหนังสือ จำนวน ๒ กระทู้ ดังนี้
กระทู้ถามเป็นหนังสือ ลำดับที่ ๑
เรื่อง ปัญหาการบริหารจัดการศาสนสมบัติของวัด
ผู้ตั้งกระทู้ถาม พลเอก สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกวุฒิสภา
ถาม นายกรัฐมนตรี
ผู้ตอบ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายเทวัญ ลิปตพัลลภ)
ผู้ถาม : พลเอก สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกวุฒิสภา ถามกระทู้โดยสรุปดังนี้
ด้วยที่ผ่านมาการจัดการผลประโยชน์ในอสังหาริมทรัพย์อันเป็นศาสนสมบัติของวัดประสบปัญหาเจ้าอาวาสแต่งตั้งบุคคลที่มีความใกล้ชิดมาทำหน้าที่เป็นกรรมการวัด อันนำมาซึ่งปัญหาการใช้อำนาจหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์จากศาสนสมบัติของวัดโดยมิชอบให้แก่ตนหรือพวกพ้อง ดังนั้น เพื่อให้การจัดการผลประโยชน์จากศาสนสมบัติของวัดเป็นไปอย่างถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้ และสร้างความเลื่อมใสศรัทธาให้แก่พุทธศาสนิกชน จึงขอเรียนถามว่ารัฐบาลมีมาตรการในการกำกับดูแล และตรวจสอบเจ้าอาวาสและกรรมการวัดในการจัดการผลประโยชน์จากศาสนสมบัติของวัดหรือไม่ อย่างไร และมีนโยบายจะแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๑๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ เพื่อให้ “การเช่าที่ดินหรืออาคาร” ระยะเวลาการเช่าเกินสามปี จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อเป็นการกำกับดูแลให้วัดได้รับผลประโยชน์ตอบแทนอย่างเป็นธรรมจากศาสนสมบัติของวัดหรือไม่ อย่างไร
ผู้ตอบ : รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายเทวัญ ลิปตพัลลภ) ตอบกระทู้ถามโดยสรุปดังนี้
นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้รับมอบหมายให้ตอบกระทู้ถามชี้แจงว่าที่ดินอันเป็นศาสนสมบัติของวัดแบ่งออกเป็น ๓ ประเภท คือ ที่วัด ที่ธรณีสงฆ์ และที่กัลปนา โดยการจัดหาประโยชน์จากที่วัดนั้น กฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๑๑ ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ข้อ ๒ กำหนดว่าต้องดำเนินการกันที่ดินซึ่งเป็นที่วัดให้เป็นที่จัดประโยชน์จะกระทำได้ก็ต่อเมื่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเห็นชอบ และได้รับอนุมัติจากมหาเถรสมาคม และข้อ ๔ กำหนดว่าการให้เช่าที่ธรณีสงฆ์ ที่กัลปนา หรือที่วัดที่กันไว้เป็นที่จัดประโยชน์ที่มีกำหนดระยะเวลาการเช่าเกินสามปีจะกระทำได้ก็ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและกรณีการให้เช่าเพื่อสร้างอาคารพาณิชย์หรืออาคารอื่นใดให้เจ้าอาวาสส่งแผนผังให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและคณะกรรมการพิจารณางบประมาณศาสนสมบัติกลาง (ตามมติมหาเถรสมาคม) เห็นชอบก่อน อย่างไรก็ดีกฎกระทรวงดังกล่าวใช้บังคับเฉพาะการให้เช่าที่ดินเท่านั้น ไม่รวมถึงการให้เช่าอาคารด้วย จึงเป็นการเปิดโอกาสให้มีการแสวงหาผลประโยชน์จากวัดโดยทำสัญญาเช่าเฉพาะตัวอาคาร เพื่อหลีกเลี่ยงการขออนุญาตจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทั้งนี้ รัฐบาลได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว และกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๑๑ ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับใช้มานานแล้วขาดความทันสมัย จึงจะเร่งดำเนินการแก้ไขกฎกระทรวงให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่าง มีผู้แสวงหาผลประโยชน์จากทางวัดในการเช่าอาคารอย่างไม่โปร่งใส
(โปรดตรวจสอบการถาม-ตอบ กระทู้ถามที่เป็นทางการ จากสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาอีกครั้ง)