วันนี้ (30 เม.ย. 63) เวลา 11.30 น. ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. พร้อมด้วยศาสตราจารย์พิเศษ ดร. ทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พลเอก สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และ นายแพทย์ สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมตอบคำถามสื่อมวลชน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
โฆษก ศบค. ชี้แจงข้อกังวลของสื่อมวลชนกรณีพบประชาชนมีภาวะเครียดอาจนำไปสู่การฆ่าตัวตาย สุ่มเสี่ยงที่จะมีพฤติกรรมเลียนแบบ ว่า ประชุม EOC ของกระทรวงสาธารณสุขมีการหารือ โดยกรมสุขภาพจิตรายงานว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบสุขภาพกายแล้วยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตด้วย ซึ่งเกิดขึ้นในหลายประเทศ ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขมีหน้าที่ดูแลสุขภาพจิตของประชาชนควบคู่กับการควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส ลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากการคิดสั้น รวมถึงมาตรการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่จะเป็นการช่วยลดภาวะความเครียดของประชาชน
โฆษก ศบค. ยังย้ำถึงมาตรการส่วนบุคคลว่า มีความสำคัญจึงขอให้ช่วยกันดูแลบุคคลใกล้ชิดที่แสดงสัญญาณถึงการคิดสั้น หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบทางสุขภาพจิต สามารถติดต่อสายด่วนกรมสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชม. เพื่อที่จะให้บริการคำปรึกษา ช่วยกันแก้ไขเยียวยา ป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสีย
โอกาสนี้ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร. ทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ สศช. ชี้แจงถึงการเปิดสถานที่ประกอบการหรือสถานที่ประกอบกิจกรรม โดยแบ่งระยะความเสี่ยงออกเป็น 4 ระยะ โดยระยะที่ 1 คือ กิจการ กิจกรรม ที่มีความเสี่ยงน้อยจะสามารถกลับมาเปิดบริการได้ในวันที่ 3 พ.ค. 63 ส่วนกิจการ/กิจกรรม ที่มีความเสี่ยงมาก สถานที่ที่มีคนแออัด มีโอกาสสัมผัสกัน เช่น สนามมวย สนามกีฬา การจัดคอนเสิร์ต จะถูกจัดอยู่ในระยะที่ 4 ส่วนกิจการ/กิจกรรม ที่เหลือจะถูกจัดอยู่ในระยะที่ 2 ระยะที่ 3 ซึ่งจะดำเนินการได้ก็ต่อเมื่อหลังจากกิจการในระยะแรกกลับมาเปิดให้บริการแล้ว 14 วัน และจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นน้อยและไม่มีนัยยะสำคัญ ก็จะอนุญาตให้กิจการ/กิจกรรม ในระยะที่ 2 ระยะที่ 3 กลับมาเปิดให้บริการได้แต่จะเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น เนื่องจากเป็นกิจการที่มีลักษณะเป็นระบบปิด เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ทั้งนี้ จะต้องปฏิบัติตามเกณฑ์มาตรฐาน คือ การขออนุญาตต่อหน่วยงานในท้องถิ่น เพื่อให้ได้รับการอนุมัติ และนำ QR Code ไปติดที่สถานประกอบการของตนเพื่อให้ประชาชนสแกน ซึ่งในระยะที่ 2 จะมีการใช้ระบบดิจิทัลเข้ามาอำนวยความสะดวกมากขึ้น โดยจะต้องดูผลกระทบหลังการเปิดให้บริการของกิจการ/กิจกรรม ในระยะที่ 1 ซึ่งเจ้าของสถานประกอบการต้องเตรียมความพร้อมไว้สำหรับระยะที่ 2 และระยะที่ 3 ด้วย
โฆษก ศบค. ยังเพิ่มเติมว่า การแบ่งระยะออกเป็น 4 ระยะ โดยแต่ละระยะนั้นจะห่างกัน 14 วัน ตามระยะเวลาการฟักตัวของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อจะสามารถเห็นจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสได้ หาก กิจการ/กิจกรรม ในระยะที่ 1 ดำเนินได้อย่างปกติและไม่มีปัญหา จะตามมาด้วยระยะที่ 2 3 และ 4 ตามลำดับ ซึ่งอาจจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ทั้งนี้ ยังต้องดูสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศ ใกล้เคียงกับไทยด้วย ที่จะเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญในการผ่อนปรนมาตรการ
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ยังยืนยันว่าตอนนี้ยังไม่มีการผ่อนปรนในการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงของการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ดังนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดจึงมีคำสั่งงดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในทุกพื้นที่ เพราะอาจก่อให้เกิดการชุมนุม มั่วสุมของประชาชน และข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ที่ว่า ข้อกำหนดใด ๆ ก็ตามที่มีผลถึง 30 เม.ย. 63 นั้น ให้มีผลต่อไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
โอกาสนี้ นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าวถึงร้านค้า หาบเร่ แผงลอย ถนนคนเดิน ที่สามารถเปิดให้จำหน่ายได้ แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างที่กำหนดไว้ ไม่ต่ำกว่า 1 เมตร ทั้งผู้ซื้อและผู้จำหน่ายต้องสวมหน้ากากอนามัย สำหรับร้านอาหารทั่วไป ที่เป็นห้องแถว จำกัดความคือไม่เกิน 2 คูหา สามารถเปิดให้จำหน่ายได้ นอกจากนี้ ยังจะมีมาตรการหลักและมาตรการเสริม เพื่อเป็นคู่มือกลางให้ผู้ประกอบการนำไปใช้ปฏิบัติตามด้วย ในส่วนร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าจะยังไม่มีการเปิดให้บริการขณะนี้ ทั้งนี้ ระยะ 1 นี้ เป็นมาตรการที่ถูกกำหนดไว้ชัดเจน จึงขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายปฏิบัติตามกฎ กติกาที่กำหนดซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
พลเอกสมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวถึงการเดินทาง เคลื่อนย้ายข้ามจังหวัดยังคงให้จำกัดอยู่ ยกเว้นเหตุจำเป็น สำหรับเครื่องบินโดยสารจะมีมาตรการรองรับเพื่อความปลอดภัย เช่น การทำความสะอาดห้องโดยสาร เว้นระยะห้าง และไม่เสิร์ฟอาหารในอากาศยาน พร้อมย้ำว่า การปฏิบัติงานที่บ้าน (Work Form Home) ยังคงเป็นนโยบายที่รัฐบาลประกาศให้ส่วนราชการและภาคเอกชนต้องปฏิบัติตามต่อไป กรณีคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ รัฐบาลอำนวยความสะดวกให้เดินทางกลับมาให้ได้มากที่สุด ทั้งทางอากาศและทางบก โดยยังคงต้องสอดคล้องกับความสามารถของสถานที่กักตัวที่รัฐจัดให้ State Quarantine และ Local Quarantine ด้วย กรณีแรงงานที่จะเดินทางกลับจากมาเลเซียให้อยู่ประมาณ 350-400 คนต่อวัน ซึ่งเป็นขีดความสามารถที่ควบคุมได้ คาดว่าสถานการณ์ดีขึ้น การเดินทางกลับของคนไทยในต่างประเทศจะลดน้อยลง เช่นเดียวกันกับคนต่างด้าวที่จะเข้ามาต้องถูกกักตัวในจังหวัดนั้นๆ เป็นเวลา 14 วันตามมาตรฐานที่ได้กำหนดไว้
นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวคาดการณ์สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในไทยตอนนี้ มีสถิติผู้ป่วยใหม่ประมาณ 7 – 9 คน ติดต่อ 4 วันแล้ว ขณะที่มีผู้ป่วยในโรงพยาบาลอยู่จำนวนประมาณ 200 ราย ซึ่งลดลงจากเดิม เกิดจากมาตรการ รวมทั้งความร่วมมือของพี่น้องประชาชน ทั้งการกักตัว การควบคุมในการเดินทางเข้าประเทศ การเว้นระยะห่าง หากประชาชนให้ความร่วมมือกัน คาดว่ามาตรการผ่อนปรนจะดำเนินการไปได้ด้วยดีคาดว่าใน 14 วัน จะมีจำนวนของผู้ป่วยไม่เกิน 20-30 คนต่อวัน ซึ่งจะทำให้สามารถดำเนินการในระยะที่ 2 และ 3 ต่อไปได้ โดยจำนวนของผู้ติดเชื้อจะมีการตรวจสกรีนกันอย่างเข้มข้นต่อไป
โฆษก ศบค. กล่าวตอนท้ายว่า ขณะนี้เป็นช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่านจาก ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี อีก 14 วันข้างหน้านี้ คือ หัวเลี้ยวหัวต่อ ซึ่งยังต้องการความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนร้อยละ 100 เช่นเดิม หากเข้าใจถึงกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ประชาชนยังร่วมมือกันต่อไป ผู้ติดเชื้อยังคงเป็นตัวเลขหลักเดียวได้ และมีอิสระในเชิงของการได้ไปจับจ่ายใช้สอยหรือประกอบสัมมาอาชีพที่ทุกคนทำอยู่ยังเหมือนเดิม ดังนั้น หน่วยตรวจสอบที่ดีที่สุดคือ พี่น้องประชาชน หากผู้ประกอบการทำดีก็สามารถชื่นชมได้ เมื่อไหร่ที่ทำได้ไม่ดีไม่ตรงกับที่พูดคุยกัน ฝากประชาชนช่วยแนะนำ อย่าเพิ่งไปต่อว่าเพราะเราเพิ่งเริ่มต้นที่ 14 วัน ซึ่งเป็นช่วงการเปลี่ยนแปลง การปรับตัวและการใช้วิถีชีวิตแบบใหม่ หากทุกคนช่วยกันจนประสบความสำเร็จและเห็นตัวเลขหนึ่งหลักอีกสามเดือนข้างหน้า ทั้งประเทศจะพ้นภัยจะแตกต่างจากที่อื่นทั่วโลก
......................
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก