การประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2567 มีมติเห็นชอบ 3 แนวทางปฏิบัติ เพิ่มความครอบคลุมโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน ได้แก่ โรคหัดและโรคไอกรน เนื่องจากยังพบผู้ป่วยในหลายพื้นที่ พร้อมทั้งสานต่อนโยบายฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูกในหญิงไทย ดังนี้
.
1.เร่งรัดการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด หัดเยอรมัน และคางทูม (MMR) ในเด็กอายุ 0 – 5 ปี ในจังหวัดที่มีความครอบคลุมวัคซีนต่ำกว่า 95% หรือการเข้าถึงบริการสาธารณสุขไม่เพียงพอ
.
2.เน้นความครอบคลุมการได้รับวัคซีนไอกรนในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ทุกพื้นที่ให้ได้มากกว่า 90% และให้วัคซีนไอกรนชนิดไร้เซลล์ในหญิงตั้งครรภ์ทุกราย เพื่อให้เด็กแรกคลอดมีภูมิคุ้มกันต่อโรคไอกรน
.
3.บริการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ต่อเนื่องปีที่ 2 ประกอบด้วย
- ให้เข็มที่ 2 แก่กลุ่มเป้าหมายอายุ 11 - 20 ปี ที่เคยฉีดเข็มที่ 1 มาแล้ว
- ให้วัคซีน HPV ชนิด 9 สายพันธุ์ เข็มที่ 1 สำหรับนักเรียนหญิง ชั้น ป.5 ปีการศึกษา 2567 ในช่วงเดือน ม.ค. - ก.พ. 68
- กลุ่มที่ยังไม่ได้รับการฉีดเข็มที่ 1 ในปีที่แล้ว จะให้บริการในเดือน มี.ค. – เม.ย. 68
ตั้งเป้าหมายการฉีดมากกว่า 1 ล้านโดส เพื่อลดการเจ็บป่วยและเสียชีวิตด้วยมะเร็งปากมดลูก ซึ่งจะมีกิจกรรม Kick-off วัคซีน HPV 5 ภาคทั่วประเทศ เริ่มครั้งแรกวันที่ 20 ธ.ค. 67 ที่ จ.ปทุมธานี
.
สำหรับช่วงเทศกาลปีใหม่ หลายพื้นที่มีการรวมกลุ่มของผู้คนจำนวนมาก ขอให้ประชาชนรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล ล้างมือบ่อยๆ หากมีอาการป่วยทางเดินหายใจ ให้สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยหรือเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง เพื่อป้องกันตนจากโรคติดเชื้อทางทางเดินหายใจ เช่น หวัด โควิด
.