ครม. กำหนด “ทรายธรรมชาติทุกชนิด” เป็นสินค้าห้ามส่งออก สงวนไว้ใช้ในอุตสาหกรรมในประเทศ คุมราคาต้นทุนการก่อสร้างให้เหมาะสม
.
ที่ประชุม ครม. (31 ม.ค. 66) อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ทรายเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เสนอ
.
สาระสำคัญของประกาศกระทรวงฯ คือ การปรับปรุงมาตรการควบคุมการส่งออกทรายและยกเลิกมาตรการควบคุมการส่งออกแร่ที่มีทรายเป็นส่วนประกอบ เนื่องจากทรายเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ
.
จากเดิมกำหนดให้ทรายธรรมชาติทุกชนิดที่มีซิลิกาออกไซต์เกินกว่า ร้อยละ 75 เป็นสินค้าห้ามส่งออก เปลี่ยนเป็นกำหนดให้ทรายตามพิกัดศุลกากรประเภท 25.05 (ไม่ได้กำหนดค่าซิลิกาออกไซต์ไว้) “เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการส่งออก” ไปนอกราชอาณาจักร (ทรายธรรมชาติทุกชนิด จะแต่งสีหรือไม่ก็ตาม ยกเว้นทรายที่มีโลหะปน) ได้แก่ ทรายซิลิกา ทรายควอร์ตซ์ และทรายอื่น ๆ
.
โดยมี “ข้อยกเว้น” ดังนี้
• กรณีส่งออกเป็นตัวอย่างหรือศึกษาวิจัย หรือ กรณีนำติดตัวออกไป เพื่อใช้เฉพาะตัวในปริมาณไม่เกิน 2 กิโลกรัม
• กรณีที่ยานพาหนะนำออกไปเพื่อใช้ในยานพาหนะนั้น ๆ ให้ปริมาณเป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เช่น
- เอาไว้ถ่วงสมดุลเรือ
- การป้องกันอัคคีภัยในเรือ (ตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล ค.ศ. 1974)
.
ประโยชน์ที่จะได้รับจากประกาศฉบับนี้ คือ
• เกิดการสงวนทรายไว้ใช้ในอุตสาหกรรมภายในประเทศ
• ลดการพังทลายของตลิ่งริมแม่น้ำ
• ป้องกันการขาดแคลนทรายที่ใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้างในประเทศ
• ควบคุมราคาต้นทุนการก่อสร้างในประเทศให้อยู่ในราคาที่เหมาะสม
.
ทั้งนี้ ประกาศกระทรวงฯ ฉบับนี้ จะให้มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 180 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
.